โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 26037 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 26037

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 26037 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 26037 มีทั้งหมด 12 ตัวคือ 1, 3, 9, 11, 33, 99, 263, 789, 2367, 2893, 8679, 26037
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
26037 ÷ 1=26037เหลือเศษ 0
26037 ÷ 3=8679เหลือเศษ 0
26037 ÷ 9=2893เหลือเศษ 0
26037 ÷ 11=2367เหลือเศษ 0
26037 ÷ 33=789เหลือเศษ 0
26037 ÷ 99=263เหลือเศษ 0
26037 ÷ 263=99เหลือเศษ 0
26037 ÷ 789=33เหลือเศษ 0
26037 ÷ 2367=11เหลือเศษ 0
26037 ÷ 2893=9เหลือเศษ 0
26037 ÷ 8679=3เหลือเศษ 0
26037 ÷ 26037=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 26037
1 x 26037
3 x 8679
9 x 2893
11 x 2367
33 x 789
99 x 263
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 26037
1 + 3 + 9 + 11 + 33 + 99 + 263 + 789 + 2367 + 2893 + 8679 + 26037 = 41184
ตัวประกอบของ 26037 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 11, 263
การแยกตัวประกอบคืออะไร

26037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

26037 = 3 x 3 x 11 x 263
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 26037 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
26037 = 32 x 11 x 263
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 26037 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 26037 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 26037 มา 1 คู่ เช่น 3 x 8679
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26037
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26037 แบบที่หนึ่ง
  • 26037
    • 99
      • 9
        • 3
        • 3
      • 11
    • 263

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26037 แบบที่สอง
  • 26037
    • 3
    • 8679
      • 3
      • 2893
        • 11
        • 263
ดังนั้น 26037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26037 = 3 x 3 x 11 x 263
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
26037 = 32 x 11 x 263 หรือ 32 x 111 x 2631

2. การแยกตัวประกอบของ 26037 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 26037 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26037 นั้นก็คือ 3, 11, 263 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26037

3
)26037
3
)8679
11
)2893
263
)263
1
ดังนั้น 26037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26037 = 3 x 3 x 11 x 263
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
26037 = 32 x 11 x 263 หรือ 32 x 111 x 2631

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 26037

1แยกตัวประกอบของ 26037 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 32 x 111 x 2631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
  • 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 263 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26037 มีทั้งหมด 12 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 26037 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇