ตัวประกอบของ 25032 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25032
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25032 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25032 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25032 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25032 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25032 มีทั้งหมด 32 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 7, 8, 12, 14, 21, 24, 28, 42, 56, 84, 149, 168, 298, 447, 596, 894, 1043, 1192, 1788, 2086, 3129, 3576, 4172, 6258, 8344, 12516, 25032
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25032 ÷ 1 | = | 25032 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 2 | = | 12516 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 3 | = | 8344 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 4 | = | 6258 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 6 | = | 4172 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 7 | = | 3576 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 8 | = | 3129 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 12 | = | 2086 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 14 | = | 1788 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 21 | = | 1192 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 24 | = | 1043 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 28 | = | 894 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 42 | = | 596 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 56 | = | 447 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 84 | = | 298 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 149 | = | 168 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 168 | = | 149 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 298 | = | 84 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 447 | = | 56 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 596 | = | 42 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 894 | = | 28 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 1043 | = | 24 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 1192 | = | 21 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 1788 | = | 14 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 2086 | = | 12 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 3129 | = | 8 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 3576 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 4172 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 6258 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 8344 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 12516 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
25032 ÷ 25032 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25032
1 x 25032 | = | 25032 |
2 x 12516 | = | 25032 |
3 x 8344 | = | 25032 |
4 x 6258 | = | 25032 |
6 x 4172 | = | 25032 |
7 x 3576 | = | 25032 |
8 x 3129 | = | 25032 |
12 x 2086 | = | 25032 |
14 x 1788 | = | 25032 |
21 x 1192 | = | 25032 |
24 x 1043 | = | 25032 |
28 x 894 | = | 25032 |
42 x 596 | = | 25032 |
56 x 447 | = | 25032 |
84 x 298 | = | 25032 |
149 x 168 | = | 25032 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25032
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 7 + 8 + 12 + 14 + 21 + 24 + 28 + 42 + 56 + 84 + 149 + 168 + 298 + 447 + 596 + 894 + 1043 + 1192 + 1788 + 2086 + 3129 + 3576 + 4172 + 6258 + 8344 + 12516 + 25032 = 72000
▶ ตัวประกอบของ 25032 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 4 ตัวดังนี้
2, 3, 7, 149
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25032 = 2 x 2 x 2 x 3 x 7 x 149
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25032 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25032 = 23 x 3 x 7 x 149
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25032 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25032 = 23 x 3 x 7 x 149
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25032 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25032 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25032 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12516
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25032
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25032 แบบที่หนึ่ง
- 25032
- 149
- 168
- 12
- 3
- 4
- 2
- 2
- 14
- 2
- 7
- 12
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25032 แบบที่สอง
- 25032
- 2
- 12516
- 2
- 6258
- 2
- 3129
- 3
- 1043
- 7
- 149
ดังนั้น 25032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25032 =
2 x 2 x 2 x 3 x 7 x 149
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25032 =
23 x 3 x 7 x 149 หรือ 23 x 31 x 71 x 1491
2. การแยกตัวประกอบของ 25032 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25032 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25032 นั้นก็คือ 2, 3, 7, 149 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25032
2)250322)125162)62583)31297)1043149)1491ดังนั้น 25032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25032 = 2 x 2 x 2 x 3 x 7 x 149หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง25032 = 23 x 3 x 7 x 149 หรือ 23 x 31 x 71 x 1491วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25032
1แยกตัวประกอบของ 25032 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 23 x 31 x 71 x 14912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 149 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 4 x 2 x 2 x 2 = 32✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25032 มีทั้งหมด 32 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25032 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25032 นั้นก็คือ 2, 3, 7, 149 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25032
2
)25032
2
)12516
2
)6258
3
)3129
7
)1043
149
)149
1
ดังนั้น 25032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25032 = 2 x 2 x 2 x 3 x 7 x 149
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25032 = 23 x 3 x 7 x 149 หรือ 23 x 31 x 71 x 1491
1แยกตัวประกอบของ 25032 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 23 x 31 x 71 x 1491
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 149 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 4 x 2 x 2 x 2 = 32✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25032 มีทั้งหมด 32 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25032 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇