ตัวประกอบของ 1626 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 1626
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 1626 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 1626 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 1626 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 1626 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 1626 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 271, 542, 813, 1626
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 1626 ÷ 1 | = | 1626 | เหลือเศษ 0 |
| 1626 ÷ 2 | = | 813 | เหลือเศษ 0 |
| 1626 ÷ 3 | = | 542 | เหลือเศษ 0 |
| 1626 ÷ 6 | = | 271 | เหลือเศษ 0 |
| 1626 ÷ 271 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
| 1626 ÷ 542 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 1626 ÷ 813 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 1626 ÷ 1626 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 1626
| 1 x 1626 | = | 1626 |
| 2 x 813 | = | 1626 |
| 3 x 542 | = | 1626 |
| 6 x 271 | = | 1626 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 1626
1 + 2 + 3 + 6 + 271 + 542 + 813 + 1626 = 3264
▶ ตัวประกอบของ 1626 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 271
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 1626 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1626 = 2 x 3 x 271
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 1626 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 1626 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 1626 มา 1 คู่ เช่น 2 x 813
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1626
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1626 แบบที่หนึ่ง
- 1626
- 6
- 2
- 3
- 271
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 1626 แบบที่สอง
- 1626
- 2
- 813
- 3
- 271
ดังนั้น 1626 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1626 =
2 x 3 x 271
2. การแยกตัวประกอบของ 1626 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 1626 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1626 นั้นก็คือ 2, 3, 271 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1626
2)16263)813271)2711ดังนั้น 1626 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้1626 = 2 x 3 x 271วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 1626
1แยกตัวประกอบของ 1626 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 27112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 271 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1626 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 1626 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 1626 นั้นก็คือ 2, 3, 271 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 1626
2
)1626
3
)813
271
)271
1
ดังนั้น 1626 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
1626 = 2 x 3 x 271
1แยกตัวประกอบของ 1626 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 2711
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 271 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 1626 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 1626 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇