ตัวประกอบของ 65200 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65200
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 65200 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 65200 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 65200 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 65200 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 65200 มีทั้งหมด 30 ตัวคือ 1, 2, 4, 5, 8, 10, 16, 20, 25, 40, 50, 80, 100, 163, 200, 326, 400, 652, 815, 1304, 1630, 2608, 3260, 4075, 6520, 8150, 13040, 16300, 32600, 65200
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65200 ÷ 1 | = | 65200 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 2 | = | 32600 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 4 | = | 16300 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 5 | = | 13040 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 8 | = | 8150 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 10 | = | 6520 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 16 | = | 4075 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 20 | = | 3260 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 25 | = | 2608 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 40 | = | 1630 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 50 | = | 1304 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 80 | = | 815 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 100 | = | 652 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 163 | = | 400 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 200 | = | 326 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 326 | = | 200 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 400 | = | 163 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 652 | = | 100 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 815 | = | 80 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 1304 | = | 50 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 1630 | = | 40 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 2608 | = | 25 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 3260 | = | 20 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 4075 | = | 16 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 6520 | = | 10 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 8150 | = | 8 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 13040 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 16300 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 32600 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
65200 ÷ 65200 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65200
1 x 65200 | = | 65200 |
2 x 32600 | = | 65200 |
4 x 16300 | = | 65200 |
5 x 13040 | = | 65200 |
8 x 8150 | = | 65200 |
10 x 6520 | = | 65200 |
16 x 4075 | = | 65200 |
20 x 3260 | = | 65200 |
25 x 2608 | = | 65200 |
40 x 1630 | = | 65200 |
50 x 1304 | = | 65200 |
80 x 815 | = | 65200 |
100 x 652 | = | 65200 |
163 x 400 | = | 65200 |
200 x 326 | = | 65200 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65200
1 + 2 + 4 + 5 + 8 + 10 + 16 + 20 + 25 + 40 + 50 + 80 + 100 + 163 + 200 + 326 + 400 + 652 + 815 + 1304 + 1630 + 2608 + 3260 + 4075 + 6520 + 8150 + 13040 + 16300 + 32600 + 65200 = 157604
▶ ตัวประกอบของ 65200 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 5, 163
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 65200 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65200 = 2 x 2 x 2 x 2 x 5 x 5 x 163
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 65200 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
65200 = 24 x 52 x 163
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 65200 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
65200 = 24 x 52 x 163
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 65200 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65200 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65200 มา 1 คู่ เช่น 2 x 32600
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65200
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65200 แบบที่หนึ่ง
- 65200
- 200
- 10
- 2
- 5
- 20
- 4
- 2
- 2
- 5
- 4
- 10
- 326
- 2
- 163
- 200
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65200 แบบที่สอง
- 65200
- 2
- 32600
- 2
- 16300
- 2
- 8150
- 2
- 4075
- 5
- 815
- 5
- 163
ดังนั้น 65200 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65200 =
2 x 2 x 2 x 2 x 5 x 5 x 163
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
65200 =
24 x 52 x 163 หรือ 24 x 52 x 1631
2. การแยกตัวประกอบของ 65200 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 65200 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65200 นั้นก็คือ 2, 5, 163 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65200
2)652002)326002)163002)81505)40755)815163)1631ดังนั้น 65200 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้65200 = 2 x 2 x 2 x 2 x 5 x 5 x 163หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง65200 = 24 x 52 x 163 หรือ 24 x 52 x 1631วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65200
1แยกตัวประกอบของ 65200 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 24 x 52 x 16312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 4 ให้เอา 4 + 1 = 5
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 163 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 5 x 3 x 2 = 30✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65200 มีทั้งหมด 30 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 65200 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65200 นั้นก็คือ 2, 5, 163 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65200
2
)65200
2
)32600
2
)16300
2
)8150
5
)4075
5
)815
163
)163
1
ดังนั้น 65200 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65200 = 2 x 2 x 2 x 2 x 5 x 5 x 163
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
65200 = 24 x 52 x 163 หรือ 24 x 52 x 1631
1แยกตัวประกอบของ 65200 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 24 x 52 x 1631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 4 ให้เอา 4 + 1 = 5
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 163 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 5 x 3 x 2 = 30✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65200 มีทั้งหมด 30 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65200 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇