ตัวประกอบของ 26067 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 26067
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 26067 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 26067 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 26067 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 26067 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 26067 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 3, 8689, 26067
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 26067 ÷ 1 | = | 26067 | เหลือเศษ 0 |
| 26067 ÷ 3 | = | 8689 | เหลือเศษ 0 |
| 26067 ÷ 8689 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 26067 ÷ 26067 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 26067
| 1 x 26067 | = | 26067 |
| 3 x 8689 | = | 26067 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 26067
1 + 3 + 8689 + 26067 = 34760
▶ ตัวประกอบของ 26067 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
3, 8689
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 26067 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26067 = 3 x 8689
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 26067 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 26067 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 26067 มา 1 คู่ เช่น 3 x 8689
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26067
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26067
- 26067
- 3
- 8689
ดังนั้น 26067 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26067 =
3 x 8689
2. การแยกตัวประกอบของ 26067 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 26067 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26067 นั้นก็คือ 3, 8689 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26067
3)260678689)86891ดังนั้น 26067 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้26067 = 3 x 8689วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 26067
1แยกตัวประกอบของ 26067 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 868912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 8689 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26067 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 26067 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26067 นั้นก็คือ 3, 8689 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26067
3
)26067
8689
)8689
1
ดังนั้น 26067 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26067 = 3 x 8689
1แยกตัวประกอบของ 26067 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 86891
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 8689 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26067 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 26067 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
