ตัวประกอบของ 25532 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25532
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25532 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25532 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25532 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25532 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25532 มีทั้งหมด 12 ตัวคือ 1, 2, 4, 13, 26, 52, 491, 982, 1964, 6383, 12766, 25532
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25532 ÷ 1 | = | 25532 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 2 | = | 12766 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 4 | = | 6383 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 13 | = | 1964 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 26 | = | 982 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 52 | = | 491 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 491 | = | 52 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 982 | = | 26 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 1964 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 6383 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 12766 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
25532 ÷ 25532 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25532
1 x 25532 | = | 25532 |
2 x 12766 | = | 25532 |
4 x 6383 | = | 25532 |
13 x 1964 | = | 25532 |
26 x 982 | = | 25532 |
52 x 491 | = | 25532 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25532
1 + 2 + 4 + 13 + 26 + 52 + 491 + 982 + 1964 + 6383 + 12766 + 25532 = 48216
▶ ตัวประกอบของ 25532 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 13, 491
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25532 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25532 = 2 x 2 x 13 x 491
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25532 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25532 = 22 x 13 x 491
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 25532 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
25532 = 22 x 13 x 491
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25532 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25532 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25532 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12766
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25532
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25532 แบบที่หนึ่ง
- 25532
- 52
- 4
- 2
- 2
- 13
- 4
- 491
- 52
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25532 แบบที่สอง
- 25532
- 2
- 12766
- 2
- 6383
- 13
- 491
ดังนั้น 25532 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25532 =
2 x 2 x 13 x 491
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25532 =
22 x 13 x 491 หรือ 22 x 131 x 4911
2. การแยกตัวประกอบของ 25532 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25532 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25532 นั้นก็คือ 2, 13, 491 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25532
2)255322)1276613)6383491)4911ดังนั้น 25532 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25532 = 2 x 2 x 13 x 491หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง25532 = 22 x 13 x 491 หรือ 22 x 131 x 4911วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25532
1แยกตัวประกอบของ 25532 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 131 x 49112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 491 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25532 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25532 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25532 นั้นก็คือ 2, 13, 491 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25532
2
)25532
2
)12766
13
)6383
491
)491
1
ดังนั้น 25532 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25532 = 2 x 2 x 13 x 491
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
25532 = 22 x 13 x 491 หรือ 22 x 131 x 4911
1แยกตัวประกอบของ 25532 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 131 x 4911
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 491 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25532 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25532 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇