ตัวประกอบของ 96852 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 96852
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 96852 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 96852 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 96852 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 96852 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 96852 มีทั้งหมด 24 ตัวคือ 1, 2, 3, 4, 6, 7, 12, 14, 21, 28, 42, 84, 1153, 2306, 3459, 4612, 6918, 8071, 13836, 16142, 24213, 32284, 48426, 96852
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 96852 ÷ 1 | = | 96852 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 2 | = | 48426 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 3 | = | 32284 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 4 | = | 24213 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 6 | = | 16142 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 7 | = | 13836 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 12 | = | 8071 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 14 | = | 6918 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 21 | = | 4612 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 28 | = | 3459 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 42 | = | 2306 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 84 | = | 1153 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 1153 | = | 84 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 2306 | = | 42 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 3459 | = | 28 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 4612 | = | 21 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 6918 | = | 14 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 8071 | = | 12 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 13836 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 16142 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 24213 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 32284 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 48426 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 96852 ÷ 96852 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 96852
| 1 x 96852 | = | 96852 |
| 2 x 48426 | = | 96852 |
| 3 x 32284 | = | 96852 |
| 4 x 24213 | = | 96852 |
| 6 x 16142 | = | 96852 |
| 7 x 13836 | = | 96852 |
| 12 x 8071 | = | 96852 |
| 14 x 6918 | = | 96852 |
| 21 x 4612 | = | 96852 |
| 28 x 3459 | = | 96852 |
| 42 x 2306 | = | 96852 |
| 84 x 1153 | = | 96852 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 96852
1 + 2 + 3 + 4 + 6 + 7 + 12 + 14 + 21 + 28 + 42 + 84 + 1153 + 2306 + 3459 + 4612 + 6918 + 8071 + 13836 + 16142 + 24213 + 32284 + 48426 + 96852 = 258496
▶ ตัวประกอบของ 96852 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 4 ตัวดังนี้
2, 3, 7, 1153
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 96852 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
96852 = 2 x 2 x 3 x 7 x 1153
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 96852 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
96852 = 22 x 3 x 7 x 1153
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 96852 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
96852 = 22 x 3 x 7 x 1153
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 96852 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 96852 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 96852 มา 1 คู่ เช่น 2 x 48426
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 96852
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 96852 แบบที่หนึ่ง
- 96852
- 84
- 7
- 12
- 3
- 4
- 2
- 2
- 1153
- 84
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 96852 แบบที่สอง
- 96852
- 2
- 48426
- 2
- 24213
- 3
- 8071
- 7
- 1153
ดังนั้น 96852 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
96852 =
2 x 2 x 3 x 7 x 1153
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
96852 =
22 x 3 x 7 x 1153 หรือ 22 x 31 x 71 x 11531
2. การแยกตัวประกอบของ 96852 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 96852 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 96852 นั้นก็คือ 2, 3, 7, 1153 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 96852
2)968522)484263)242137)80711153)11531ดังนั้น 96852 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้96852 = 2 x 2 x 3 x 7 x 1153หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง96852 = 22 x 3 x 7 x 1153 หรือ 22 x 31 x 71 x 11531วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 96852
1แยกตัวประกอบของ 96852 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 31 x 71 x 115312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 1153 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 x 2 = 24✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 96852 มีทั้งหมด 24 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 96852 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 96852 นั้นก็คือ 2, 3, 7, 1153 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 96852
2
)96852
2
)48426
3
)24213
7
)8071
1153
)1153
1
ดังนั้น 96852 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
96852 = 2 x 2 x 3 x 7 x 1153
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
96852 = 22 x 3 x 7 x 1153 หรือ 22 x 31 x 71 x 11531
1แยกตัวประกอบของ 96852 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 31 x 71 x 11531
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 1153 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 x 2 = 24✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 96852 มีทั้งหมด 24 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 96852 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
