โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 6102 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6102

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 6102 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 6102 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 9, 18, 27, 54, 113, 226, 339, 678, 1017, 2034, 3051, 6102
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6102 ÷ 1=6102เหลือเศษ 0
6102 ÷ 2=3051เหลือเศษ 0
6102 ÷ 3=2034เหลือเศษ 0
6102 ÷ 6=1017เหลือเศษ 0
6102 ÷ 9=678เหลือเศษ 0
6102 ÷ 18=339เหลือเศษ 0
6102 ÷ 27=226เหลือเศษ 0
6102 ÷ 54=113เหลือเศษ 0
6102 ÷ 113=54เหลือเศษ 0
6102 ÷ 226=27เหลือเศษ 0
6102 ÷ 339=18เหลือเศษ 0
6102 ÷ 678=9เหลือเศษ 0
6102 ÷ 1017=6เหลือเศษ 0
6102 ÷ 2034=3เหลือเศษ 0
6102 ÷ 3051=2เหลือเศษ 0
6102 ÷ 6102=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6102
1 x 6102
2 x 3051
3 x 2034
6 x 1017
9 x 678
18 x 339
27 x 226
54 x 113
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6102
1 + 2 + 3 + 6 + 9 + 18 + 27 + 54 + 113 + 226 + 339 + 678 + 1017 + 2034 + 3051 + 6102 = 13680
ตัวประกอบของ 6102 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 113
การแยกตัวประกอบคืออะไร

6102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

6102 = 2 x 3 x 3 x 3 x 113
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 6102 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
6102 = 2 x 33 x 113
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 6102 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6102 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6102 มา 1 คู่ เช่น 2 x 3051
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6102
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6102 แบบที่หนึ่ง
  • 6102
    • 54
      • 6
        • 2
        • 3
      • 9
        • 3
        • 3
    • 113

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6102 แบบที่สอง
  • 6102
    • 2
    • 3051
      • 3
      • 1017
        • 3
        • 339
          • 3
          • 113
ดังนั้น 6102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6102 = 2 x 3 x 3 x 3 x 113
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
6102 = 2 x 33 x 113 หรือ 21 x 33 x 1131

2. การแยกตัวประกอบของ 6102 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 6102 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6102 นั้นก็คือ 2, 3, 113 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6102

2
)6102
3
)3051
3
)1017
3
)339
113
)113
1
ดังนั้น 6102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6102 = 2 x 3 x 3 x 3 x 113
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
6102 = 2 x 33 x 113 หรือ 21 x 33 x 1131

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6102

1แยกตัวประกอบของ 6102 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 33 x 1131
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 113 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 4 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6102 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6102 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇