ตัวประกอบของ 5870 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5870
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5870 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5870 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5870 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5870 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5870 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 5, 10, 587, 1174, 2935, 5870
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5870 ÷ 1 | = | 5870 | เหลือเศษ 0 |
5870 ÷ 2 | = | 2935 | เหลือเศษ 0 |
5870 ÷ 5 | = | 1174 | เหลือเศษ 0 |
5870 ÷ 10 | = | 587 | เหลือเศษ 0 |
5870 ÷ 587 | = | 10 | เหลือเศษ 0 |
5870 ÷ 1174 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
5870 ÷ 2935 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
5870 ÷ 5870 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5870
1 x 5870 | = | 5870 |
2 x 2935 | = | 5870 |
5 x 1174 | = | 5870 |
10 x 587 | = | 5870 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5870
1 + 2 + 5 + 10 + 587 + 1174 + 2935 + 5870 = 10584
▶ ตัวประกอบของ 5870 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 5, 587
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5870 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5870 = 2 x 5 x 587
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5870 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5870 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5870 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2935
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5870
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5870 แบบที่หนึ่ง
- 5870
- 10
- 2
- 5
- 587
- 10
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5870 แบบที่สอง
- 5870
- 2
- 2935
- 5
- 587
ดังนั้น 5870 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5870 =
2 x 5 x 587
2. การแยกตัวประกอบของ 5870 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5870 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5870 นั้นก็คือ 2, 5, 587 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5870
2)58705)2935587)5871ดังนั้น 5870 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5870 = 2 x 5 x 587วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5870
1แยกตัวประกอบของ 5870 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 51 x 58712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 587 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5870 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5870 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5870 นั้นก็คือ 2, 5, 587 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5870
2
)5870
5
)2935
587
)587
1
ดังนั้น 5870 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5870 = 2 x 5 x 587
1แยกตัวประกอบของ 5870 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 51 x 5871
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 587 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5870 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5870 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇