ตัวประกอบของ 5486 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5486
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5486 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5486 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5486 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5486 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5486 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 13, 26, 211, 422, 2743, 5486
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 5486 ÷ 1 | = | 5486 | เหลือเศษ 0 |
| 5486 ÷ 2 | = | 2743 | เหลือเศษ 0 |
| 5486 ÷ 13 | = | 422 | เหลือเศษ 0 |
| 5486 ÷ 26 | = | 211 | เหลือเศษ 0 |
| 5486 ÷ 211 | = | 26 | เหลือเศษ 0 |
| 5486 ÷ 422 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
| 5486 ÷ 2743 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 5486 ÷ 5486 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5486
| 1 x 5486 | = | 5486 |
| 2 x 2743 | = | 5486 |
| 13 x 422 | = | 5486 |
| 26 x 211 | = | 5486 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5486
1 + 2 + 13 + 26 + 211 + 422 + 2743 + 5486 = 8904
▶ ตัวประกอบของ 5486 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 13, 211
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5486 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5486 = 2 x 13 x 211
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5486 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5486 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5486 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2743
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5486
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5486 แบบที่หนึ่ง
- 5486
- 26
- 2
- 13
- 211
- 26
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5486 แบบที่สอง
- 5486
- 2
- 2743
- 13
- 211
ดังนั้น 5486 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5486 =
2 x 13 x 211
2. การแยกตัวประกอบของ 5486 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5486 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5486 นั้นก็คือ 2, 13, 211 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5486
2)548613)2743211)2111ดังนั้น 5486 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5486 = 2 x 13 x 211วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5486
1แยกตัวประกอบของ 5486 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 131 x 21112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 211 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5486 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5486 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5486 นั้นก็คือ 2, 13, 211 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5486
2
)5486
13
)2743
211
)211
1
ดังนั้น 5486 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5486 = 2 x 13 x 211
1แยกตัวประกอบของ 5486 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 131 x 2111
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 211 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5486 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5486 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇