ตัวประกอบของ 4726 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 4726
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 4726 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 4726 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 4726 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 4726 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 4726 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 17, 34, 139, 278, 2363, 4726
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
4726 ÷ 1 | = | 4726 | เหลือเศษ 0 |
4726 ÷ 2 | = | 2363 | เหลือเศษ 0 |
4726 ÷ 17 | = | 278 | เหลือเศษ 0 |
4726 ÷ 34 | = | 139 | เหลือเศษ 0 |
4726 ÷ 139 | = | 34 | เหลือเศษ 0 |
4726 ÷ 278 | = | 17 | เหลือเศษ 0 |
4726 ÷ 2363 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
4726 ÷ 4726 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 4726
1 x 4726 | = | 4726 |
2 x 2363 | = | 4726 |
17 x 278 | = | 4726 |
34 x 139 | = | 4726 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 4726
1 + 2 + 17 + 34 + 139 + 278 + 2363 + 4726 = 7560
▶ ตัวประกอบของ 4726 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 17, 139
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 4726 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4726 = 2 x 17 x 139
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 4726 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 4726 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 4726 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2363
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4726
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4726 แบบที่หนึ่ง
- 4726
- 34
- 2
- 17
- 139
- 34
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4726 แบบที่สอง
- 4726
- 2
- 2363
- 17
- 139
ดังนั้น 4726 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4726 =
2 x 17 x 139
2. การแยกตัวประกอบของ 4726 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 4726 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4726 นั้นก็คือ 2, 17, 139 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4726
2)472617)2363139)1391ดังนั้น 4726 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้4726 = 2 x 17 x 139วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 4726
1แยกตัวประกอบของ 4726 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 171 x 13912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 139 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4726 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 4726 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4726 นั้นก็คือ 2, 17, 139 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4726
2
)4726
17
)2363
139
)139
1
ดังนั้น 4726 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4726 = 2 x 17 x 139
1แยกตัวประกอบของ 4726 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 171 x 1391
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 139 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4726 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 4726 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇