ตัวประกอบของ 4615 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 4615
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 4615 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 4615 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 4615 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 4615 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 4615 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 5, 13, 65, 71, 355, 923, 4615
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
4615 ÷ 1 | = | 4615 | เหลือเศษ 0 |
4615 ÷ 5 | = | 923 | เหลือเศษ 0 |
4615 ÷ 13 | = | 355 | เหลือเศษ 0 |
4615 ÷ 65 | = | 71 | เหลือเศษ 0 |
4615 ÷ 71 | = | 65 | เหลือเศษ 0 |
4615 ÷ 355 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
4615 ÷ 923 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
4615 ÷ 4615 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 4615
1 x 4615 | = | 4615 |
5 x 923 | = | 4615 |
13 x 355 | = | 4615 |
65 x 71 | = | 4615 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 4615
1 + 5 + 13 + 65 + 71 + 355 + 923 + 4615 = 6048
▶ ตัวประกอบของ 4615 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
5, 13, 71
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 4615 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4615 = 5 x 13 x 71
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 4615 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 4615 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 4615 มา 1 คู่ เช่น 5 x 923
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4615
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4615 แบบที่หนึ่ง
- 4615
- 65
- 5
- 13
- 71
- 65
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4615 แบบที่สอง
- 4615
- 5
- 923
- 13
- 71
ดังนั้น 4615 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4615 =
5 x 13 x 71
2. การแยกตัวประกอบของ 4615 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 4615 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4615 นั้นก็คือ 5, 13, 71 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4615
5)461513)92371)711ดังนั้น 4615 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้4615 = 5 x 13 x 71วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 4615
1แยกตัวประกอบของ 4615 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 51 x 131 x 7112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 71 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4615 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 4615 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4615 นั้นก็คือ 5, 13, 71 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4615
5
)4615
13
)923
71
)71
1
ดังนั้น 4615 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4615 = 5 x 13 x 71
1แยกตัวประกอบของ 4615 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 51 x 131 x 711
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 71 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4615 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 4615 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇