ตัวประกอบของ 4610 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 4610
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 4610 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 4610 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 4610 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 4610 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 4610 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 5, 10, 461, 922, 2305, 4610
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 4610 ÷ 1 | = | 4610 | เหลือเศษ 0 |
| 4610 ÷ 2 | = | 2305 | เหลือเศษ 0 |
| 4610 ÷ 5 | = | 922 | เหลือเศษ 0 |
| 4610 ÷ 10 | = | 461 | เหลือเศษ 0 |
| 4610 ÷ 461 | = | 10 | เหลือเศษ 0 |
| 4610 ÷ 922 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
| 4610 ÷ 2305 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 4610 ÷ 4610 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 4610
| 1 x 4610 | = | 4610 |
| 2 x 2305 | = | 4610 |
| 5 x 922 | = | 4610 |
| 10 x 461 | = | 4610 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 4610
1 + 2 + 5 + 10 + 461 + 922 + 2305 + 4610 = 8316
▶ ตัวประกอบของ 4610 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 5, 461
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 4610 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4610 = 2 x 5 x 461
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 4610 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 4610 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 4610 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2305
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4610
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4610 แบบที่หนึ่ง
- 4610
- 10
- 2
- 5
- 461
- 10
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4610 แบบที่สอง
- 4610
- 2
- 2305
- 5
- 461
ดังนั้น 4610 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4610 =
2 x 5 x 461
2. การแยกตัวประกอบของ 4610 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 4610 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4610 นั้นก็คือ 2, 5, 461 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4610
2)46105)2305461)4611ดังนั้น 4610 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้4610 = 2 x 5 x 461วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 4610
1แยกตัวประกอบของ 4610 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 51 x 46112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 461 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4610 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 4610 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4610 นั้นก็คือ 2, 5, 461 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4610
2
)4610
5
)2305
461
)461
1
ดังนั้น 4610 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4610 = 2 x 5 x 461
1แยกตัวประกอบของ 4610 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 51 x 4611
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 461 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4610 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 4610 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇