ตัวประกอบของ 26516 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 26516
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 26516 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 26516 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 26516 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 26516 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 26516 มีทั้งหมด 12 ตัวคือ 1, 2, 4, 7, 14, 28, 947, 1894, 3788, 6629, 13258, 26516
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 26516 ÷ 1 | = | 26516 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 2 | = | 13258 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 4 | = | 6629 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 7 | = | 3788 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 14 | = | 1894 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 28 | = | 947 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 947 | = | 28 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 1894 | = | 14 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 3788 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 6629 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 13258 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 26516 ÷ 26516 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 26516
| 1 x 26516 | = | 26516 |
| 2 x 13258 | = | 26516 |
| 4 x 6629 | = | 26516 |
| 7 x 3788 | = | 26516 |
| 14 x 1894 | = | 26516 |
| 28 x 947 | = | 26516 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 26516
1 + 2 + 4 + 7 + 14 + 28 + 947 + 1894 + 3788 + 6629 + 13258 + 26516 = 53088
▶ ตัวประกอบของ 26516 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 7, 947
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 26516 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26516 = 2 x 2 x 7 x 947
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 26516 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
26516 = 22 x 7 x 947
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 26516 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
26516 = 22 x 7 x 947
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 26516 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 26516 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 26516 มา 1 คู่ เช่น 2 x 13258
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26516
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26516 แบบที่หนึ่ง
- 26516
- 28
- 4
- 2
- 2
- 7
- 4
- 947
- 28
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26516 แบบที่สอง
- 26516
- 2
- 13258
- 2
- 6629
- 7
- 947
ดังนั้น 26516 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26516 =
2 x 2 x 7 x 947
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
26516 =
22 x 7 x 947 หรือ 22 x 71 x 9471
2. การแยกตัวประกอบของ 26516 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 26516 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26516 นั้นก็คือ 2, 7, 947 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26516
2)265162)132587)6629947)9471ดังนั้น 26516 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้26516 = 2 x 2 x 7 x 947หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง26516 = 22 x 7 x 947 หรือ 22 x 71 x 9471วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 26516
1แยกตัวประกอบของ 26516 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 71 x 94712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 947 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26516 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 26516 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26516 นั้นก็คือ 2, 7, 947 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26516
2
)26516
2
)13258
7
)6629
947
)947
1
ดังนั้น 26516 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26516 = 2 x 2 x 7 x 947
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
26516 = 22 x 7 x 947 หรือ 22 x 71 x 9471
1แยกตัวประกอบของ 26516 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 71 x 9471
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 947 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 x 2 = 12✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26516 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 26516 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
