ตัวประกอบของ 26048 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 26048
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 26048 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 26048 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 26048 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 26048 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 26048 มีทั้งหมด 28 ตัวคือ 1, 2, 4, 8, 11, 16, 22, 32, 37, 44, 64, 74, 88, 148, 176, 296, 352, 407, 592, 704, 814, 1184, 1628, 2368, 3256, 6512, 13024, 26048
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 26048 ÷ 1 | = | 26048 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 2 | = | 13024 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 4 | = | 6512 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 8 | = | 3256 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 11 | = | 2368 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 16 | = | 1628 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 22 | = | 1184 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 32 | = | 814 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 37 | = | 704 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 44 | = | 592 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 64 | = | 407 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 74 | = | 352 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 88 | = | 296 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 148 | = | 176 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 176 | = | 148 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 296 | = | 88 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 352 | = | 74 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 407 | = | 64 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 592 | = | 44 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 704 | = | 37 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 814 | = | 32 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 1184 | = | 22 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 1628 | = | 16 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 2368 | = | 11 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 3256 | = | 8 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 6512 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 13024 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 26048 ÷ 26048 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 26048
| 1 x 26048 | = | 26048 |
| 2 x 13024 | = | 26048 |
| 4 x 6512 | = | 26048 |
| 8 x 3256 | = | 26048 |
| 11 x 2368 | = | 26048 |
| 16 x 1628 | = | 26048 |
| 22 x 1184 | = | 26048 |
| 32 x 814 | = | 26048 |
| 37 x 704 | = | 26048 |
| 44 x 592 | = | 26048 |
| 64 x 407 | = | 26048 |
| 74 x 352 | = | 26048 |
| 88 x 296 | = | 26048 |
| 148 x 176 | = | 26048 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 26048
1 + 2 + 4 + 8 + 11 + 16 + 22 + 32 + 37 + 44 + 64 + 74 + 88 + 148 + 176 + 296 + 352 + 407 + 592 + 704 + 814 + 1184 + 1628 + 2368 + 3256 + 6512 + 13024 + 26048 = 57912
▶ ตัวประกอบของ 26048 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 11, 37
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 26048 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26048 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 11 x 37
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 26048 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
26048 = 26 x 11 x 37
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 26048 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
26048 = 26 x 11 x 37
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 26048 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 26048 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 26048 มา 1 คู่ เช่น 2 x 13024
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26048
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26048 แบบที่หนึ่ง
- 26048
- 148
- 4
- 2
- 2
- 37
- 4
- 176
- 11
- 16
- 4
- 2
- 2
- 4
- 2
- 2
- 4
- 148
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26048 แบบที่สอง
- 26048
- 2
- 13024
- 2
- 6512
- 2
- 3256
- 2
- 1628
- 2
- 814
- 2
- 407
- 11
- 37
ดังนั้น 26048 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26048 =
2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 11 x 37
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
26048 =
26 x 11 x 37 หรือ 26 x 111 x 371
2. การแยกตัวประกอบของ 26048 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 26048 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26048 นั้นก็คือ 2, 11, 37 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26048
2)260482)130242)65122)32562)16282)81411)40737)371ดังนั้น 26048 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้26048 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 11 x 37หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง26048 = 26 x 11 x 37 หรือ 26 x 111 x 371วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 26048
1แยกตัวประกอบของ 26048 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 111 x 3712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 37 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 = 28✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26048 มีทั้งหมด 28 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 26048 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26048 นั้นก็คือ 2, 11, 37 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26048
2
)26048
2
)13024
2
)6512
2
)3256
2
)1628
2
)814
11
)407
37
)37
1
ดังนั้น 26048 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26048 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 11 x 37
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
26048 = 26 x 11 x 37 หรือ 26 x 111 x 371
1แยกตัวประกอบของ 26048 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 111 x 371
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 37 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 = 28✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26048 มีทั้งหมด 28 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 26048 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇