ตัวประกอบของ 25337 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25337
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25337 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25337 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 25337 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25337 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25337 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 13, 1949, 25337
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25337 ÷ 1 | = | 25337 | เหลือเศษ 0 |
25337 ÷ 13 | = | 1949 | เหลือเศษ 0 |
25337 ÷ 1949 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
25337 ÷ 25337 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25337
1 x 25337 | = | 25337 |
13 x 1949 | = | 25337 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25337
1 + 13 + 1949 + 25337 = 27300
▶ ตัวประกอบของ 25337 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
13, 1949
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25337 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25337 = 13 x 1949
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25337 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25337 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25337 มา 1 คู่ เช่น 13 x 1949
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25337
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25337
- 25337
- 13
- 1949
ดังนั้น 25337 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25337 =
13 x 1949
2. การแยกตัวประกอบของ 25337 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25337 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25337 นั้นก็คือ 13, 1949 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25337
13)253371949)19491ดังนั้น 25337 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25337 = 13 x 1949วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25337
1แยกตัวประกอบของ 25337 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 194912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 1949 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25337 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25337 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25337 นั้นก็คือ 13, 1949 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25337
13
)25337
1949
)1949
1
ดังนั้น 25337 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25337 = 13 x 1949
1แยกตัวประกอบของ 25337 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 131 x 19491
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 1949 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25337 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25337 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇