ตัวประกอบของ 11968 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 11968
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 11968 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 11968 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 11968 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 11968 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 11968 มีทั้งหมด 28 ตัวคือ 1, 2, 4, 8, 11, 16, 17, 22, 32, 34, 44, 64, 68, 88, 136, 176, 187, 272, 352, 374, 544, 704, 748, 1088, 1496, 2992, 5984, 11968
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 11968 ÷ 1 | = | 11968 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 2 | = | 5984 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 4 | = | 2992 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 8 | = | 1496 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 11 | = | 1088 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 16 | = | 748 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 17 | = | 704 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 22 | = | 544 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 32 | = | 374 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 34 | = | 352 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 44 | = | 272 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 64 | = | 187 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 68 | = | 176 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 88 | = | 136 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 136 | = | 88 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 176 | = | 68 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 187 | = | 64 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 272 | = | 44 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 352 | = | 34 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 374 | = | 32 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 544 | = | 22 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 704 | = | 17 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 748 | = | 16 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 1088 | = | 11 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 1496 | = | 8 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 2992 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 5984 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 11968 ÷ 11968 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 11968
| 1 x 11968 | = | 11968 |
| 2 x 5984 | = | 11968 |
| 4 x 2992 | = | 11968 |
| 8 x 1496 | = | 11968 |
| 11 x 1088 | = | 11968 |
| 16 x 748 | = | 11968 |
| 17 x 704 | = | 11968 |
| 22 x 544 | = | 11968 |
| 32 x 374 | = | 11968 |
| 34 x 352 | = | 11968 |
| 44 x 272 | = | 11968 |
| 64 x 187 | = | 11968 |
| 68 x 176 | = | 11968 |
| 88 x 136 | = | 11968 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 11968
1 + 2 + 4 + 8 + 11 + 16 + 17 + 22 + 32 + 34 + 44 + 64 + 68 + 88 + 136 + 176 + 187 + 272 + 352 + 374 + 544 + 704 + 748 + 1088 + 1496 + 2992 + 5984 + 11968 = 27432
▶ ตัวประกอบของ 11968 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 11, 17
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 11968 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11968 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 11 x 17
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 11968 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
11968 = 26 x 11 x 17
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 11968 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
11968 = 26 x 11 x 17
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 11968 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 11968 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 11968 มา 1 คู่ เช่น 2 x 5984
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11968
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 11968 แบบที่หนึ่ง
- 11968
- 88
- 8
- 2
- 4
- 2
- 2
- 11
- 8
- 136
- 8
- 2
- 4
- 2
- 2
- 17
- 8
- 88
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 11968 แบบที่สอง
- 11968
- 2
- 5984
- 2
- 2992
- 2
- 1496
- 2
- 748
- 2
- 374
- 2
- 187
- 11
- 17
ดังนั้น 11968 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11968 =
2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 11 x 17
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
11968 =
26 x 11 x 17 หรือ 26 x 111 x 171
2. การแยกตัวประกอบของ 11968 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 11968 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 11968 นั้นก็คือ 2, 11, 17 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11968
2)119682)59842)29922)14962)7482)37411)18717)171ดังนั้น 11968 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้11968 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 11 x 17หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง11968 = 26 x 11 x 17 หรือ 26 x 111 x 171วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 11968
1แยกตัวประกอบของ 11968 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 111 x 1712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 = 28✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 11968 มีทั้งหมด 28 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 11968 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 11968 นั้นก็คือ 2, 11, 17 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11968
2
)11968
2
)5984
2
)2992
2
)1496
2
)748
2
)374
11
)187
17
)17
1
ดังนั้น 11968 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11968 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 11 x 17
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
11968 = 26 x 11 x 17 หรือ 26 x 111 x 171
1แยกตัวประกอบของ 11968 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 111 x 171
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 x 2 = 28✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 11968 มีทั้งหมด 28 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 11968 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇