ตัวประกอบของ 8206 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 8206
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 8206 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 8206 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 8206 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 8206 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 8206 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 11, 22, 373, 746, 4103, 8206
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
8206 ÷ 1 | = | 8206 | เหลือเศษ 0 |
8206 ÷ 2 | = | 4103 | เหลือเศษ 0 |
8206 ÷ 11 | = | 746 | เหลือเศษ 0 |
8206 ÷ 22 | = | 373 | เหลือเศษ 0 |
8206 ÷ 373 | = | 22 | เหลือเศษ 0 |
8206 ÷ 746 | = | 11 | เหลือเศษ 0 |
8206 ÷ 4103 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
8206 ÷ 8206 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 8206
1 x 8206 | = | 8206 |
2 x 4103 | = | 8206 |
11 x 746 | = | 8206 |
22 x 373 | = | 8206 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 8206
1 + 2 + 11 + 22 + 373 + 746 + 4103 + 8206 = 13464
▶ ตัวประกอบของ 8206 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 11, 373
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 8206 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8206 = 2 x 11 x 373
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 8206 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 8206 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 8206 มา 1 คู่ เช่น 2 x 4103
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8206
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 8206 แบบที่หนึ่ง
- 8206
- 22
- 2
- 11
- 373
- 22
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 8206 แบบที่สอง
- 8206
- 2
- 4103
- 11
- 373
ดังนั้น 8206 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8206 =
2 x 11 x 373
2. การแยกตัวประกอบของ 8206 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 8206 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 8206 นั้นก็คือ 2, 11, 373 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8206
2)820611)4103373)3731ดังนั้น 8206 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้8206 = 2 x 11 x 373วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 8206
1แยกตัวประกอบของ 8206 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 111 x 37312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 373 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 8206 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 8206 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 8206 นั้นก็คือ 2, 11, 373 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8206
2
)8206
11
)4103
373
)373
1
ดังนั้น 8206 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8206 = 2 x 11 x 373
1แยกตัวประกอบของ 8206 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 111 x 3731
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 373 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 8206 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 8206 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇