ตัวประกอบของ 65102 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65102
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 65102 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 65102 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 65102 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 65102 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 65102 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 43, 86, 757, 1514, 32551, 65102
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65102 ÷ 1 | = | 65102 | เหลือเศษ 0 |
65102 ÷ 2 | = | 32551 | เหลือเศษ 0 |
65102 ÷ 43 | = | 1514 | เหลือเศษ 0 |
65102 ÷ 86 | = | 757 | เหลือเศษ 0 |
65102 ÷ 757 | = | 86 | เหลือเศษ 0 |
65102 ÷ 1514 | = | 43 | เหลือเศษ 0 |
65102 ÷ 32551 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
65102 ÷ 65102 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65102
1 x 65102 | = | 65102 |
2 x 32551 | = | 65102 |
43 x 1514 | = | 65102 |
86 x 757 | = | 65102 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65102
1 + 2 + 43 + 86 + 757 + 1514 + 32551 + 65102 = 100056
▶ ตัวประกอบของ 65102 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 43, 757
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 65102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65102 = 2 x 43 x 757
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 65102 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65102 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65102 มา 1 คู่ เช่น 2 x 32551
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65102
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65102 แบบที่หนึ่ง
- 65102
- 86
- 2
- 43
- 757
- 86
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65102 แบบที่สอง
- 65102
- 2
- 32551
- 43
- 757
ดังนั้น 65102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65102 =
2 x 43 x 757
2. การแยกตัวประกอบของ 65102 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 65102 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65102 นั้นก็คือ 2, 43, 757 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65102
2)6510243)32551757)7571ดังนั้น 65102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้65102 = 2 x 43 x 757วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65102
1แยกตัวประกอบของ 65102 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 431 x 75712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 43 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 757 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65102 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 65102 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65102 นั้นก็คือ 2, 43, 757 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65102
2
)65102
43
)32551
757
)757
1
ดังนั้น 65102 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65102 = 2 x 43 x 757
1แยกตัวประกอบของ 65102 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 431 x 7571
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 43 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 757 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65102 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65102 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇