ตัวประกอบของ 6462 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6462
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 6462 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 6462 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 6462 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 6462 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 6462 มีทั้งหมด 12 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 9, 18, 359, 718, 1077, 2154, 3231, 6462
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6462 ÷ 1 | = | 6462 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 2 | = | 3231 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 3 | = | 2154 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 6 | = | 1077 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 9 | = | 718 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 18 | = | 359 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 359 | = | 18 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 718 | = | 9 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 1077 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 2154 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 3231 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
6462 ÷ 6462 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6462
1 x 6462 | = | 6462 |
2 x 3231 | = | 6462 |
3 x 2154 | = | 6462 |
6 x 1077 | = | 6462 |
9 x 718 | = | 6462 |
18 x 359 | = | 6462 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6462
1 + 2 + 3 + 6 + 9 + 18 + 359 + 718 + 1077 + 2154 + 3231 + 6462 = 14040
▶ ตัวประกอบของ 6462 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 359
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 6462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6462 = 2 x 3 x 3 x 359
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 6462 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
6462 = 2 x 32 x 359
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 6462 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
6462 = 2 x 32 x 359
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 6462 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6462 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6462 มา 1 คู่ เช่น 2 x 3231
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6462
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6462 แบบที่หนึ่ง
- 6462
- 18
- 3
- 6
- 2
- 3
- 359
- 18
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6462 แบบที่สอง
- 6462
- 2
- 3231
- 3
- 1077
- 3
- 359
ดังนั้น 6462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6462 =
2 x 3 x 3 x 359
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
6462 =
2 x 32 x 359 หรือ 21 x 32 x 3591
2. การแยกตัวประกอบของ 6462 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 6462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6462 นั้นก็คือ 2, 3, 359 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6462
2)64623)32313)1077359)3591ดังนั้น 6462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้6462 = 2 x 3 x 3 x 359หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง6462 = 2 x 32 x 359 หรือ 21 x 32 x 3591วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6462
1แยกตัวประกอบของ 6462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 32 x 35912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 359 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 3 x 2 = 12✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6462 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 6462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6462 นั้นก็คือ 2, 3, 359 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6462
2
)6462
3
)3231
3
)1077
359
)359
1
ดังนั้น 6462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6462 = 2 x 3 x 3 x 359
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
6462 = 2 x 32 x 359 หรือ 21 x 32 x 3591
1แยกตัวประกอบของ 6462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 32 x 3591
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 359 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 3 x 2 = 12✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6462 มีทั้งหมด 12 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6462 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇