ตัวประกอบของ 35006 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 35006
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 35006 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 35006 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 35006 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 35006 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 35006 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 23, 46, 761, 1522, 17503, 35006
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
35006 ÷ 1 | = | 35006 | เหลือเศษ 0 |
35006 ÷ 2 | = | 17503 | เหลือเศษ 0 |
35006 ÷ 23 | = | 1522 | เหลือเศษ 0 |
35006 ÷ 46 | = | 761 | เหลือเศษ 0 |
35006 ÷ 761 | = | 46 | เหลือเศษ 0 |
35006 ÷ 1522 | = | 23 | เหลือเศษ 0 |
35006 ÷ 17503 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
35006 ÷ 35006 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 35006
1 x 35006 | = | 35006 |
2 x 17503 | = | 35006 |
23 x 1522 | = | 35006 |
46 x 761 | = | 35006 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 35006
1 + 2 + 23 + 46 + 761 + 1522 + 17503 + 35006 = 54864
▶ ตัวประกอบของ 35006 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 23, 761
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 35006 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
35006 = 2 x 23 x 761
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 35006 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 35006 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 35006 มา 1 คู่ เช่น 2 x 17503
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 35006
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 35006 แบบที่หนึ่ง
- 35006
- 46
- 2
- 23
- 761
- 46
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 35006 แบบที่สอง
- 35006
- 2
- 17503
- 23
- 761
ดังนั้น 35006 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
35006 =
2 x 23 x 761
2. การแยกตัวประกอบของ 35006 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 35006 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 35006 นั้นก็คือ 2, 23, 761 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 35006
2)3500623)17503761)7611ดังนั้น 35006 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้35006 = 2 x 23 x 761วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 35006
1แยกตัวประกอบของ 35006 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 231 x 76112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 23 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 761 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 35006 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 35006 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 35006 นั้นก็คือ 2, 23, 761 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 35006
2
)35006
23
)17503
761
)761
1
ดังนั้น 35006 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
35006 = 2 x 23 x 761
1แยกตัวประกอบของ 35006 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 231 x 7611
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 23 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 761 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 35006 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 35006 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇