ตัวประกอบของ 26014 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 26014
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 26014 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 26014 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 26014 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 26014 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 26014 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 2, 13007, 26014
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 26014 ÷ 1 | = | 26014 | เหลือเศษ 0 |
| 26014 ÷ 2 | = | 13007 | เหลือเศษ 0 |
| 26014 ÷ 13007 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 26014 ÷ 26014 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 26014
| 1 x 26014 | = | 26014 |
| 2 x 13007 | = | 26014 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 26014
1 + 2 + 13007 + 26014 = 39024
▶ ตัวประกอบของ 26014 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 13007
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 26014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26014 = 2 x 13007
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 26014 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 26014 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 26014 มา 1 คู่ เช่น 2 x 13007
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26014
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26014
- 26014
- 2
- 13007
ดังนั้น 26014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26014 =
2 x 13007
2. การแยกตัวประกอบของ 26014 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 26014 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26014 นั้นก็คือ 2, 13007 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26014
2)2601413007)130071ดังนั้น 26014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้26014 = 2 x 13007วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 26014
1แยกตัวประกอบของ 26014 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 1300712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13007 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26014 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 26014 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26014 นั้นก็คือ 2, 13007 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26014
2
)26014
13007
)13007
1
ดังนั้น 26014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26014 = 2 x 13007
1แยกตัวประกอบของ 26014 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 130071
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13007 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26014 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 26014 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇