ตัวประกอบของ 13250 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 13250
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 13250 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 13250 ได้ลงตัว
▶ 
 ▶ 
2. การแยกตัวประกอบของ 13250 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 13250 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 13250 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 5, 10, 25, 50, 53, 106, 125, 250, 265, 530, 1325, 2650, 6625, 13250
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 13250 ÷ 1 | = | 13250 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 2 | = | 6625 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 5 | = | 2650 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 10 | = | 1325 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 25 | = | 530 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 50 | = | 265 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 53 | = | 250 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 106 | = | 125 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 125 | = | 106 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 250 | = | 53 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 265 | = | 50 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 530 | = | 25 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 1325 | = | 10 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 2650 | = | 5 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 6625 | = | 2 | เหลือเศษ 0 | 
| 13250 ÷ 13250 | = | 1 | เหลือเศษ 0 | 
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 13250
| 1 x 13250 | = | 13250 | 
| 2 x 6625 | = | 13250 | 
| 5 x 2650 | = | 13250 | 
| 10 x 1325 | = | 13250 | 
| 25 x 530 | = | 13250 | 
| 50 x 265 | = | 13250 | 
| 53 x 250 | = | 13250 | 
| 106 x 125 | = | 13250 | 
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 13250
1 + 2 + 5 + 10 + 25 + 50 + 53 + 106 + 125 + 250 + 265 + 530 + 1325 + 2650 + 6625 + 13250 = 25272
 ▶ ตัวประกอบของ 13250 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3  ตัวดังนี้
2, 5, 53
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
 ▶ 13250 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
13250 = 2 x 5 x 5 x 5 x 53                                            
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 13250 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
13250 = 2 x 53 x 53
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 13250 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
13250 = 2 x 53 x 53
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 13250 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 13250 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 13250 มา 1 คู่ เช่น 2 x 6625
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 13250
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 13250 แบบที่หนึ่ง
- 13250
- 106
- 2
 - 53
 
 - 125
- 5
 - 25
- 5
 - 5
 
 
 
 - 106
 
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 13250 แบบที่สอง
- 13250
- 2
 - 6625
- 5
 - 1325
- 5
 - 265
- 5
 - 53
 
 
 
 
 
ดังนั้น 13250 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
13250 =
        2 x 5 x 5 x 5 x 53
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
13250 =
      2 x 53 x 53 หรือ 21 x 53 x 531
2. การแยกตัวประกอบของ 13250 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 13250 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 13250 นั้นก็คือ 2, 5, 53 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 13250
2)132505)66255)13255)26553)531ดังนั้น 13250 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้13250 = 2 x 5 x 5 x 5 x 53หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง13250 = 2 x 53 x 53 หรือ 21 x 53 x 531วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 13250
1แยกตัวประกอบของ 13250 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 53 x 5312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
 - 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
 - 👉 53 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
 
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 4 x 2 = 16✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 13250 มีทั้งหมด 16 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 13250 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 13250 นั้นก็คือ 2, 5, 53 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 13250
2
)13250
5
)6625
5
)1325
5
)265
53
)53
1
ดังนั้น 13250 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
13250 = 2 x 5 x 5 x 5 x 53
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
13250 = 2 x 53 x 53 หรือ 21 x 53 x 531
1แยกตัวประกอบของ 13250 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 53 x 531
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
 - 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
 - 👉 53 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
 
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 4 x 2 = 16✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 13250 มีทั้งหมด 16 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 13250 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
