โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 65216 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 65216

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 65216 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 65216 มีทั้งหมด 14 ตัวคือ 1, 2, 4, 8, 16, 32, 64, 1019, 2038, 4076, 8152, 16304, 32608, 65216
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
65216 ÷ 1=65216เหลือเศษ 0
65216 ÷ 2=32608เหลือเศษ 0
65216 ÷ 4=16304เหลือเศษ 0
65216 ÷ 8=8152เหลือเศษ 0
65216 ÷ 16=4076เหลือเศษ 0
65216 ÷ 32=2038เหลือเศษ 0
65216 ÷ 64=1019เหลือเศษ 0
65216 ÷ 1019=64เหลือเศษ 0
65216 ÷ 2038=32เหลือเศษ 0
65216 ÷ 4076=16เหลือเศษ 0
65216 ÷ 8152=8เหลือเศษ 0
65216 ÷ 16304=4เหลือเศษ 0
65216 ÷ 32608=2เหลือเศษ 0
65216 ÷ 65216=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 65216
1 x 65216
2 x 32608
4 x 16304
8 x 8152
16 x 4076
32 x 2038
64 x 1019
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 65216
1 + 2 + 4 + 8 + 16 + 32 + 64 + 1019 + 2038 + 4076 + 8152 + 16304 + 32608 + 65216 = 129540
ตัวประกอบของ 65216 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 1019
การแยกตัวประกอบคืออะไร

65216 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

65216 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 1019
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 65216 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
65216 = 26 x 1019
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 65216 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 65216 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 65216 มา 1 คู่ เช่น 2 x 32608
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65216
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65216 แบบที่หนึ่ง
  • 65216
    • 64
      • 8
        • 2
        • 4
          • 2
          • 2
      • 8
        • 2
        • 4
          • 2
          • 2
    • 1019

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 65216 แบบที่สอง
  • 65216
    • 2
    • 32608
      • 2
      • 16304
        • 2
        • 8152
          • 2
          • 4076
            • 2
            • 2038
              • 2
              • 1019
ดังนั้น 65216 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65216 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 1019
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
65216 = 26 x 1019 หรือ 26 x 10191

2. การแยกตัวประกอบของ 65216 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 65216 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 65216 นั้นก็คือ 2, 1019 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 65216

2
)65216
2
)32608
2
)16304
2
)8152
2
)4076
2
)2038
1019
)1019
1
ดังนั้น 65216 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
65216 = 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 1019
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
65216 = 26 x 1019 หรือ 26 x 10191

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 65216

1แยกตัวประกอบของ 65216 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 26 x 10191
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
  • 👉 1019 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 = 14
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 65216 มีทั้งหมด 14 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 65216 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇