ตัวประกอบของ 5835 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5835
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5835 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5835 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5835 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5835 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5835 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 5, 15, 389, 1167, 1945, 5835
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5835 ÷ 1 | = | 5835 | เหลือเศษ 0 |
5835 ÷ 3 | = | 1945 | เหลือเศษ 0 |
5835 ÷ 5 | = | 1167 | เหลือเศษ 0 |
5835 ÷ 15 | = | 389 | เหลือเศษ 0 |
5835 ÷ 389 | = | 15 | เหลือเศษ 0 |
5835 ÷ 1167 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
5835 ÷ 1945 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
5835 ÷ 5835 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5835
1 x 5835 | = | 5835 |
3 x 1945 | = | 5835 |
5 x 1167 | = | 5835 |
15 x 389 | = | 5835 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5835
1 + 3 + 5 + 15 + 389 + 1167 + 1945 + 5835 = 9360
▶ ตัวประกอบของ 5835 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 5, 389
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5835 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5835 = 3 x 5 x 389
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5835 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5835 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5835 มา 1 คู่ เช่น 3 x 1945
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5835
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5835 แบบที่หนึ่ง
- 5835
- 15
- 3
- 5
- 389
- 15
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5835 แบบที่สอง
- 5835
- 3
- 1945
- 5
- 389
ดังนั้น 5835 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5835 =
3 x 5 x 389
2. การแยกตัวประกอบของ 5835 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5835 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5835 นั้นก็คือ 3, 5, 389 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5835
3)58355)1945389)3891ดังนั้น 5835 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5835 = 3 x 5 x 389วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5835
1แยกตัวประกอบของ 5835 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 51 x 38912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 389 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5835 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5835 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5835 นั้นก็คือ 3, 5, 389 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5835
3
)5835
5
)1945
389
)389
1
ดังนั้น 5835 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5835 = 3 x 5 x 389
1แยกตัวประกอบของ 5835 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 51 x 3891
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 389 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5835 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5835 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇