ตัวประกอบของ 5133 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5133
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5133 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5133 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5133 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5133 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5133 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 29, 59, 87, 177, 1711, 5133
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5133 ÷ 1 | = | 5133 | เหลือเศษ 0 |
5133 ÷ 3 | = | 1711 | เหลือเศษ 0 |
5133 ÷ 29 | = | 177 | เหลือเศษ 0 |
5133 ÷ 59 | = | 87 | เหลือเศษ 0 |
5133 ÷ 87 | = | 59 | เหลือเศษ 0 |
5133 ÷ 177 | = | 29 | เหลือเศษ 0 |
5133 ÷ 1711 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
5133 ÷ 5133 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5133
1 x 5133 | = | 5133 |
3 x 1711 | = | 5133 |
29 x 177 | = | 5133 |
59 x 87 | = | 5133 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5133
1 + 3 + 29 + 59 + 87 + 177 + 1711 + 5133 = 7200
▶ ตัวประกอบของ 5133 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 29, 59
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5133 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5133 = 3 x 29 x 59
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5133 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5133 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5133 มา 1 คู่ เช่น 3 x 1711
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5133
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5133 แบบที่หนึ่ง
- 5133
- 59
- 87
- 3
- 29
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5133 แบบที่สอง
- 5133
- 3
- 1711
- 29
- 59
ดังนั้น 5133 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5133 =
3 x 29 x 59
2. การแยกตัวประกอบของ 5133 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5133 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5133 นั้นก็คือ 3, 29, 59 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5133
3)513329)171159)591ดังนั้น 5133 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5133 = 3 x 29 x 59วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5133
1แยกตัวประกอบของ 5133 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 291 x 5912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 59 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5133 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5133 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5133 นั้นก็คือ 3, 29, 59 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5133
3
)5133
29
)1711
59
)59
1
ดังนั้น 5133 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5133 = 3 x 29 x 59
1แยกตัวประกอบของ 5133 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 291 x 591
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 59 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5133 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5133 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇