ตัวประกอบของ 5126 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5126
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5126 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5126 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5126 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5126 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5126 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 11, 22, 233, 466, 2563, 5126
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5126 ÷ 1 | = | 5126 | เหลือเศษ 0 |
5126 ÷ 2 | = | 2563 | เหลือเศษ 0 |
5126 ÷ 11 | = | 466 | เหลือเศษ 0 |
5126 ÷ 22 | = | 233 | เหลือเศษ 0 |
5126 ÷ 233 | = | 22 | เหลือเศษ 0 |
5126 ÷ 466 | = | 11 | เหลือเศษ 0 |
5126 ÷ 2563 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
5126 ÷ 5126 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5126
1 x 5126 | = | 5126 |
2 x 2563 | = | 5126 |
11 x 466 | = | 5126 |
22 x 233 | = | 5126 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5126
1 + 2 + 11 + 22 + 233 + 466 + 2563 + 5126 = 8424
▶ ตัวประกอบของ 5126 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 11, 233
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5126 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5126 = 2 x 11 x 233
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5126 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5126 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5126 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2563
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5126
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5126 แบบที่หนึ่ง
- 5126
- 22
- 2
- 11
- 233
- 22
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5126 แบบที่สอง
- 5126
- 2
- 2563
- 11
- 233
ดังนั้น 5126 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5126 =
2 x 11 x 233
2. การแยกตัวประกอบของ 5126 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5126 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5126 นั้นก็คือ 2, 11, 233 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5126
2)512611)2563233)2331ดังนั้น 5126 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5126 = 2 x 11 x 233วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5126
1แยกตัวประกอบของ 5126 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 111 x 23312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 233 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5126 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5126 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5126 นั้นก็คือ 2, 11, 233 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5126
2
)5126
11
)2563
233
)233
1
ดังนั้น 5126 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5126 = 2 x 11 x 233
1แยกตัวประกอบของ 5126 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 111 x 2331
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 233 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5126 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5126 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇