โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 13014 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 13014

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 13014 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 13014 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 9, 18, 27, 54, 241, 482, 723, 1446, 2169, 4338, 6507, 13014
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
13014 ÷ 1=13014เหลือเศษ 0
13014 ÷ 2=6507เหลือเศษ 0
13014 ÷ 3=4338เหลือเศษ 0
13014 ÷ 6=2169เหลือเศษ 0
13014 ÷ 9=1446เหลือเศษ 0
13014 ÷ 18=723เหลือเศษ 0
13014 ÷ 27=482เหลือเศษ 0
13014 ÷ 54=241เหลือเศษ 0
13014 ÷ 241=54เหลือเศษ 0
13014 ÷ 482=27เหลือเศษ 0
13014 ÷ 723=18เหลือเศษ 0
13014 ÷ 1446=9เหลือเศษ 0
13014 ÷ 2169=6เหลือเศษ 0
13014 ÷ 4338=3เหลือเศษ 0
13014 ÷ 6507=2เหลือเศษ 0
13014 ÷ 13014=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 13014
1 x 13014
2 x 6507
3 x 4338
6 x 2169
9 x 1446
18 x 723
27 x 482
54 x 241
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 13014
1 + 2 + 3 + 6 + 9 + 18 + 27 + 54 + 241 + 482 + 723 + 1446 + 2169 + 4338 + 6507 + 13014 = 29040
ตัวประกอบของ 13014 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 241
การแยกตัวประกอบคืออะไร

13014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

13014 = 2 x 3 x 3 x 3 x 241
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 13014 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
13014 = 2 x 33 x 241
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 13014 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 13014 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 13014 มา 1 คู่ เช่น 2 x 6507
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 13014
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 13014 แบบที่หนึ่ง
  • 13014
    • 54
      • 6
        • 2
        • 3
      • 9
        • 3
        • 3
    • 241

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 13014 แบบที่สอง
  • 13014
    • 2
    • 6507
      • 3
      • 2169
        • 3
        • 723
          • 3
          • 241
ดังนั้น 13014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
13014 = 2 x 3 x 3 x 3 x 241
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
13014 = 2 x 33 x 241 หรือ 21 x 33 x 2411

2. การแยกตัวประกอบของ 13014 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 13014 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 13014 นั้นก็คือ 2, 3, 241 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 13014

2
)13014
3
)6507
3
)2169
3
)723
241
)241
1
ดังนั้น 13014 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
13014 = 2 x 3 x 3 x 3 x 241
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
13014 = 2 x 33 x 241 หรือ 21 x 33 x 2411

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 13014

1แยกตัวประกอบของ 13014 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 33 x 2411
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 241 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 4 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 13014 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 13014 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇