ตัวประกอบของ 10354 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 10354
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 10354 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 10354 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 10354 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 10354 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 10354 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 31, 62, 167, 334, 5177, 10354
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 10354 ÷ 1 | = | 10354 | เหลือเศษ 0 |
| 10354 ÷ 2 | = | 5177 | เหลือเศษ 0 |
| 10354 ÷ 31 | = | 334 | เหลือเศษ 0 |
| 10354 ÷ 62 | = | 167 | เหลือเศษ 0 |
| 10354 ÷ 167 | = | 62 | เหลือเศษ 0 |
| 10354 ÷ 334 | = | 31 | เหลือเศษ 0 |
| 10354 ÷ 5177 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 10354 ÷ 10354 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 10354
| 1 x 10354 | = | 10354 |
| 2 x 5177 | = | 10354 |
| 31 x 334 | = | 10354 |
| 62 x 167 | = | 10354 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 10354
1 + 2 + 31 + 62 + 167 + 334 + 5177 + 10354 = 16128
▶ ตัวประกอบของ 10354 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 31, 167
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 10354 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
10354 = 2 x 31 x 167
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 10354 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 10354 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 10354 มา 1 คู่ เช่น 2 x 5177
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 10354
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 10354 แบบที่หนึ่ง
- 10354
- 62
- 2
- 31
- 167
- 62
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 10354 แบบที่สอง
- 10354
- 2
- 5177
- 31
- 167
ดังนั้น 10354 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
10354 =
2 x 31 x 167
2. การแยกตัวประกอบของ 10354 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 10354 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 10354 นั้นก็คือ 2, 31, 167 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 10354
2)1035431)5177167)1671ดังนั้น 10354 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้10354 = 2 x 31 x 167วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 10354
1แยกตัวประกอบของ 10354 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 311 x 16712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 31 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 167 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 10354 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 10354 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 10354 นั้นก็คือ 2, 31, 167 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 10354
2
)10354
31
)5177
167
)167
1
ดังนั้น 10354 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
10354 = 2 x 31 x 167
1แยกตัวประกอบของ 10354 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 311 x 1671
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 31 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 167 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 10354 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 10354 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇