ตัวประกอบของ 6652 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6652
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 6652 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 6652 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 6652 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 6652 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 6652 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 2, 4, 1663, 3326, 6652
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6652 ÷ 1 | = | 6652 | เหลือเศษ 0 |
6652 ÷ 2 | = | 3326 | เหลือเศษ 0 |
6652 ÷ 4 | = | 1663 | เหลือเศษ 0 |
6652 ÷ 1663 | = | 4 | เหลือเศษ 0 |
6652 ÷ 3326 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
6652 ÷ 6652 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6652
1 x 6652 | = | 6652 |
2 x 3326 | = | 6652 |
4 x 1663 | = | 6652 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6652
1 + 2 + 4 + 1663 + 3326 + 6652 = 11648
▶ ตัวประกอบของ 6652 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
2, 1663
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 6652 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6652 = 2 x 2 x 1663
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 6652 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
6652 = 22 x 1663
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 6652 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
6652 = 22 x 1663
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 6652 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6652 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6652 มา 1 คู่ เช่น 2 x 3326
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6652
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6652 แบบที่หนึ่ง
- 6652
- 4
- 2
- 2
- 1663
- 4
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6652 แบบที่สอง
- 6652
- 2
- 3326
- 2
- 1663
ดังนั้น 6652 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6652 =
2 x 2 x 1663
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
6652 =
22 x 1663 หรือ 22 x 16631
2. การแยกตัวประกอบของ 6652 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 6652 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6652 นั้นก็คือ 2, 1663 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6652
2)66522)33261663)16631ดังนั้น 6652 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้6652 = 2 x 2 x 1663หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง6652 = 22 x 1663 หรือ 22 x 16631วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6652
1แยกตัวประกอบของ 6652 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 166312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 1663 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6652 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 6652 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6652 นั้นก็คือ 2, 1663 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6652
2
)6652
2
)3326
1663
)1663
1
ดังนั้น 6652 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6652 = 2 x 2 x 1663
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
6652 = 22 x 1663 หรือ 22 x 16631
1แยกตัวประกอบของ 6652 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 22 x 16631
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 1663 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6652 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6652 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇