ตัวประกอบของ 6647 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6647
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 6647 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 6647 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 6647 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 6647 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 6647 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 17, 23, 289, 391, 6647
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6647 ÷ 1 | = | 6647 | เหลือเศษ 0 |
6647 ÷ 17 | = | 391 | เหลือเศษ 0 |
6647 ÷ 23 | = | 289 | เหลือเศษ 0 |
6647 ÷ 289 | = | 23 | เหลือเศษ 0 |
6647 ÷ 391 | = | 17 | เหลือเศษ 0 |
6647 ÷ 6647 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6647
1 x 6647 | = | 6647 |
17 x 391 | = | 6647 |
23 x 289 | = | 6647 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6647
1 + 17 + 23 + 289 + 391 + 6647 = 7368
▶ ตัวประกอบของ 6647 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
17, 23
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 6647 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6647 = 17 x 17 x 23
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 6647 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
6647 = 172 x 23
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 6647 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
6647 = 172 x 23
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 6647 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6647 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6647 มา 1 คู่ เช่น 17 x 391
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6647
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6647 แบบที่หนึ่ง
- 6647
- 23
- 289
- 17
- 17
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6647 แบบที่สอง
- 6647
- 17
- 391
- 17
- 23
ดังนั้น 6647 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6647 =
17 x 17 x 23
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
6647 =
172 x 23 หรือ 172 x 231
2. การแยกตัวประกอบของ 6647 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 6647 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6647 นั้นก็คือ 17, 23 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6647
17)664717)39123)231ดังนั้น 6647 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้6647 = 17 x 17 x 23หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง6647 = 172 x 23 หรือ 172 x 231วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6647
1แยกตัวประกอบของ 6647 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 172 x 2312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 23 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6647 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 6647 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6647 นั้นก็คือ 17, 23 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6647
17
)6647
17
)391
23
)23
1
ดังนั้น 6647 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6647 = 17 x 17 x 23
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
6647 = 172 x 23 หรือ 172 x 231
1แยกตัวประกอบของ 6647 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 172 x 231
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 23 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6647 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6647 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇