ตัวประกอบของ 5446 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5446
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5446 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5446 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5446 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5446 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5446 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 7, 14, 389, 778, 2723, 5446
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5446 ÷ 1 | = | 5446 | เหลือเศษ 0 |
5446 ÷ 2 | = | 2723 | เหลือเศษ 0 |
5446 ÷ 7 | = | 778 | เหลือเศษ 0 |
5446 ÷ 14 | = | 389 | เหลือเศษ 0 |
5446 ÷ 389 | = | 14 | เหลือเศษ 0 |
5446 ÷ 778 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
5446 ÷ 2723 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
5446 ÷ 5446 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5446
1 x 5446 | = | 5446 |
2 x 2723 | = | 5446 |
7 x 778 | = | 5446 |
14 x 389 | = | 5446 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5446
1 + 2 + 7 + 14 + 389 + 778 + 2723 + 5446 = 9360
▶ ตัวประกอบของ 5446 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 7, 389
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5446 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5446 = 2 x 7 x 389
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5446 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5446 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5446 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2723
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5446
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5446 แบบที่หนึ่ง
- 5446
- 14
- 2
- 7
- 389
- 14
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5446 แบบที่สอง
- 5446
- 2
- 2723
- 7
- 389
ดังนั้น 5446 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5446 =
2 x 7 x 389
2. การแยกตัวประกอบของ 5446 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5446 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5446 นั้นก็คือ 2, 7, 389 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5446
2)54467)2723389)3891ดังนั้น 5446 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5446 = 2 x 7 x 389วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5446
1แยกตัวประกอบของ 5446 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 71 x 38912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 389 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5446 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5446 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5446 นั้นก็คือ 2, 7, 389 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5446
2
)5446
7
)2723
389
)389
1
ดังนั้น 5446 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5446 = 2 x 7 x 389
1แยกตัวประกอบของ 5446 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 71 x 3891
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 389 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5446 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5446 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇