ตัวประกอบของ 5146 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5146
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 5146 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 5146 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 5146 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 5146 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 5146 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 31, 62, 83, 166, 2573, 5146
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5146 ÷ 1 | = | 5146 | เหลือเศษ 0 |
5146 ÷ 2 | = | 2573 | เหลือเศษ 0 |
5146 ÷ 31 | = | 166 | เหลือเศษ 0 |
5146 ÷ 62 | = | 83 | เหลือเศษ 0 |
5146 ÷ 83 | = | 62 | เหลือเศษ 0 |
5146 ÷ 166 | = | 31 | เหลือเศษ 0 |
5146 ÷ 2573 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
5146 ÷ 5146 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5146
1 x 5146 | = | 5146 |
2 x 2573 | = | 5146 |
31 x 166 | = | 5146 |
62 x 83 | = | 5146 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5146
1 + 2 + 31 + 62 + 83 + 166 + 2573 + 5146 = 8064
▶ ตัวประกอบของ 5146 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 31, 83
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 5146 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5146 = 2 x 31 x 83
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 5146 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5146 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5146 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2573
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5146
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5146 แบบที่หนึ่ง
- 5146
- 62
- 2
- 31
- 83
- 62
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5146 แบบที่สอง
- 5146
- 2
- 2573
- 31
- 83
ดังนั้น 5146 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5146 =
2 x 31 x 83
2. การแยกตัวประกอบของ 5146 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 5146 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5146 นั้นก็คือ 2, 31, 83 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5146
2)514631)257383)831ดังนั้น 5146 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้5146 = 2 x 31 x 83วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5146
1แยกตัวประกอบของ 5146 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 311 x 8312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 31 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 83 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5146 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 5146 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5146 นั้นก็คือ 2, 31, 83 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5146
2
)5146
31
)2573
83
)83
1
ดังนั้น 5146 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5146 = 2 x 31 x 83
1แยกตัวประกอบของ 5146 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 311 x 831
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 31 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 83 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5146 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5146 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇