โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 5032 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5032

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 5032 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 5032 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 4, 8, 17, 34, 37, 68, 74, 136, 148, 296, 629, 1258, 2516, 5032
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5032 ÷ 1=5032เหลือเศษ 0
5032 ÷ 2=2516เหลือเศษ 0
5032 ÷ 4=1258เหลือเศษ 0
5032 ÷ 8=629เหลือเศษ 0
5032 ÷ 17=296เหลือเศษ 0
5032 ÷ 34=148เหลือเศษ 0
5032 ÷ 37=136เหลือเศษ 0
5032 ÷ 68=74เหลือเศษ 0
5032 ÷ 74=68เหลือเศษ 0
5032 ÷ 136=37เหลือเศษ 0
5032 ÷ 148=34เหลือเศษ 0
5032 ÷ 296=17เหลือเศษ 0
5032 ÷ 629=8เหลือเศษ 0
5032 ÷ 1258=4เหลือเศษ 0
5032 ÷ 2516=2เหลือเศษ 0
5032 ÷ 5032=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5032
1 x 5032
2 x 2516
4 x 1258
8 x 629
17 x 296
34 x 148
37 x 136
68 x 74
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5032
1 + 2 + 4 + 8 + 17 + 34 + 37 + 68 + 74 + 136 + 148 + 296 + 629 + 1258 + 2516 + 5032 = 10260
ตัวประกอบของ 5032 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 17, 37
การแยกตัวประกอบคืออะไร

5032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

5032 = 2 x 2 x 2 x 17 x 37
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 5032 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
5032 = 23 x 17 x 37
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 5032 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5032 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5032 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2516
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5032
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5032 แบบที่หนึ่ง
  • 5032
    • 68
      • 4
        • 2
        • 2
      • 17
    • 74
      • 2
      • 37

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5032 แบบที่สอง
  • 5032
    • 2
    • 2516
      • 2
      • 1258
        • 2
        • 629
          • 17
          • 37
ดังนั้น 5032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5032 = 2 x 2 x 2 x 17 x 37
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
5032 = 23 x 17 x 37 หรือ 23 x 171 x 371

2. การแยกตัวประกอบของ 5032 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 5032 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5032 นั้นก็คือ 2, 17, 37 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5032

2
)5032
2
)2516
2
)1258
17
)629
37
)37
1
ดังนั้น 5032 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5032 = 2 x 2 x 2 x 17 x 37
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
5032 = 23 x 17 x 37 หรือ 23 x 171 x 371

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5032

1แยกตัวประกอบของ 5032 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 23 x 171 x 371
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 17 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 37 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 4 x 2 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5032 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5032 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇