ตัวประกอบของ 4613 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 4613
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 4613 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 4613 ได้ลงตัว
▶
▶ 2. การแยกตัวประกอบของ 4613 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 4613 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 4613 มีทั้งหมด 4 ตัวคือ 1, 7, 659, 4613
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 4613 ÷ 1 | = | 4613 | เหลือเศษ 0 |
| 4613 ÷ 7 | = | 659 | เหลือเศษ 0 |
| 4613 ÷ 659 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
| 4613 ÷ 4613 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 4613
| 1 x 4613 | = | 4613 |
| 7 x 659 | = | 4613 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 4613
1 + 7 + 659 + 4613 = 5280
▶ ตัวประกอบของ 4613 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
7, 659
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 4613 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4613 = 7 x 659
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 4613 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 4613 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 4613 มา 1 คู่ เช่น 7 x 659
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4613
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4613
- 4613
- 7
- 659
ดังนั้น 4613 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4613 =
7 x 659
2. การแยกตัวประกอบของ 4613 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 4613 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4613 นั้นก็คือ 7, 659 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4613
7)4613659)6591ดังนั้น 4613 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้4613 = 7 x 659วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 4613
1แยกตัวประกอบของ 4613 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 65912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 659 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4613 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 4613 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4613 นั้นก็คือ 7, 659 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4613
7
)4613
659
)659
1
ดังนั้น 4613 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4613 = 7 x 659
1แยกตัวประกอบของ 4613 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 6591
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 659 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 = 4✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4613 มีทั้งหมด 4 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 4613 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇