โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 4466 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 4466

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 4466 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 4466 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 7, 11, 14, 22, 29, 58, 77, 154, 203, 319, 406, 638, 2233, 4466
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
4466 ÷ 1=4466เหลือเศษ 0
4466 ÷ 2=2233เหลือเศษ 0
4466 ÷ 7=638เหลือเศษ 0
4466 ÷ 11=406เหลือเศษ 0
4466 ÷ 14=319เหลือเศษ 0
4466 ÷ 22=203เหลือเศษ 0
4466 ÷ 29=154เหลือเศษ 0
4466 ÷ 58=77เหลือเศษ 0
4466 ÷ 77=58เหลือเศษ 0
4466 ÷ 154=29เหลือเศษ 0
4466 ÷ 203=22เหลือเศษ 0
4466 ÷ 319=14เหลือเศษ 0
4466 ÷ 406=11เหลือเศษ 0
4466 ÷ 638=7เหลือเศษ 0
4466 ÷ 2233=2เหลือเศษ 0
4466 ÷ 4466=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 4466
1 x 4466
2 x 2233
7 x 638
11 x 406
14 x 319
22 x 203
29 x 154
58 x 77
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 4466
1 + 2 + 7 + 11 + 14 + 22 + 29 + 58 + 77 + 154 + 203 + 319 + 406 + 638 + 2233 + 4466 = 8640
ตัวประกอบของ 4466 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 4 ตัวดังนี้
2, 7, 11, 29
การแยกตัวประกอบคืออะไร

4466 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

4466 = 2 x 7 x 11 x 29
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 4466 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 4466 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 4466 มา 1 คู่ เช่น 2 x 2233
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4466
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4466 แบบที่หนึ่ง
  • 4466
    • 58
      • 2
      • 29
    • 77
      • 7
      • 11

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 4466 แบบที่สอง
  • 4466
    • 2
    • 2233
      • 7
      • 319
        • 11
        • 29
ดังนั้น 4466 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4466 = 2 x 7 x 11 x 29

2. การแยกตัวประกอบของ 4466 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 4466 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 4466 นั้นก็คือ 2, 7, 11, 29 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 4466

2
)4466
7
)2233
11
)319
29
)29
1
ดังนั้น 4466 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
4466 = 2 x 7 x 11 x 29

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 4466

1แยกตัวประกอบของ 4466 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 71 x 111 x 291
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 11 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 4466 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 4466 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇