ตัวประกอบของ 26467 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 26467
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 26467 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 26467 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 26467 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 26467 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 26467 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 7, 19, 133, 199, 1393, 3781, 26467
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 26467 ÷ 1 | = | 26467 | เหลือเศษ 0 |
| 26467 ÷ 7 | = | 3781 | เหลือเศษ 0 |
| 26467 ÷ 19 | = | 1393 | เหลือเศษ 0 |
| 26467 ÷ 133 | = | 199 | เหลือเศษ 0 |
| 26467 ÷ 199 | = | 133 | เหลือเศษ 0 |
| 26467 ÷ 1393 | = | 19 | เหลือเศษ 0 |
| 26467 ÷ 3781 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
| 26467 ÷ 26467 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 26467
| 1 x 26467 | = | 26467 |
| 7 x 3781 | = | 26467 |
| 19 x 1393 | = | 26467 |
| 133 x 199 | = | 26467 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 26467
1 + 7 + 19 + 133 + 199 + 1393 + 3781 + 26467 = 32000
▶ ตัวประกอบของ 26467 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
7, 19, 199
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 26467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26467 = 7 x 19 x 199
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 26467 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 26467 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 26467 มา 1 คู่ เช่น 7 x 3781
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26467
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26467 แบบที่หนึ่ง
- 26467
- 133
- 7
- 19
- 199
- 133
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26467 แบบที่สอง
- 26467
- 7
- 3781
- 19
- 199
ดังนั้น 26467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26467 =
7 x 19 x 199
2. การแยกตัวประกอบของ 26467 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 26467 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26467 นั้นก็คือ 7, 19, 199 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26467
7)2646719)3781199)1991ดังนั้น 26467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้26467 = 7 x 19 x 199วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 26467
1แยกตัวประกอบของ 26467 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 191 x 19912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 19 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 199 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26467 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 26467 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26467 นั้นก็คือ 7, 19, 199 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26467
7
)26467
19
)3781
199
)199
1
ดังนั้น 26467 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26467 = 7 x 19 x 199
1แยกตัวประกอบของ 26467 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 71 x 191 x 1991
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 19 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 199 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26467 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 26467 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇