โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 26152 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 26152

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 26152 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 26152 มีทั้งหมด 16 ตัวคือ 1, 2, 4, 7, 8, 14, 28, 56, 467, 934, 1868, 3269, 3736, 6538, 13076, 26152
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
26152 ÷ 1=26152เหลือเศษ 0
26152 ÷ 2=13076เหลือเศษ 0
26152 ÷ 4=6538เหลือเศษ 0
26152 ÷ 7=3736เหลือเศษ 0
26152 ÷ 8=3269เหลือเศษ 0
26152 ÷ 14=1868เหลือเศษ 0
26152 ÷ 28=934เหลือเศษ 0
26152 ÷ 56=467เหลือเศษ 0
26152 ÷ 467=56เหลือเศษ 0
26152 ÷ 934=28เหลือเศษ 0
26152 ÷ 1868=14เหลือเศษ 0
26152 ÷ 3269=8เหลือเศษ 0
26152 ÷ 3736=7เหลือเศษ 0
26152 ÷ 6538=4เหลือเศษ 0
26152 ÷ 13076=2เหลือเศษ 0
26152 ÷ 26152=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 26152
1 x 26152
2 x 13076
4 x 6538
7 x 3736
8 x 3269
14 x 1868
28 x 934
56 x 467
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 26152
1 + 2 + 4 + 7 + 8 + 14 + 28 + 56 + 467 + 934 + 1868 + 3269 + 3736 + 6538 + 13076 + 26152 = 56160
ตัวประกอบของ 26152 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 7, 467
การแยกตัวประกอบคืออะไร

26152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

26152 = 2 x 2 x 2 x 7 x 467
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 26152 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
26152 = 23 x 7 x 467
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 26152 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 26152 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 26152 มา 1 คู่ เช่น 2 x 13076
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26152
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26152 แบบที่หนึ่ง
  • 26152
    • 56
      • 7
      • 8
        • 2
        • 4
          • 2
          • 2
    • 467

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26152 แบบที่สอง
  • 26152
    • 2
    • 13076
      • 2
      • 6538
        • 2
        • 3269
          • 7
          • 467
ดังนั้น 26152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26152 = 2 x 2 x 2 x 7 x 467
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
26152 = 23 x 7 x 467 หรือ 23 x 71 x 4671

2. การแยกตัวประกอบของ 26152 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 26152 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26152 นั้นก็คือ 2, 7, 467 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26152

2
)26152
2
)13076
2
)6538
7
)3269
467
)467
1
ดังนั้น 26152 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26152 = 2 x 2 x 2 x 7 x 467
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
26152 = 23 x 7 x 467 หรือ 23 x 71 x 4671

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 26152

1แยกตัวประกอบของ 26152 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 23 x 71 x 4671
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 3 ให้เอา 3 + 1 = 4
  • 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
  • 👉 467 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 4 x 2 x 2 = 16
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26152 มีทั้งหมด 16 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 26152 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇