ตัวประกอบของ 7325 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 7325
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 7325 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 7325 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 7325 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 7325 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 7325 มีทั้งหมด 6 ตัวคือ 1, 5, 25, 293, 1465, 7325
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
7325 ÷ 1 | = | 7325 | เหลือเศษ 0 |
7325 ÷ 5 | = | 1465 | เหลือเศษ 0 |
7325 ÷ 25 | = | 293 | เหลือเศษ 0 |
7325 ÷ 293 | = | 25 | เหลือเศษ 0 |
7325 ÷ 1465 | = | 5 | เหลือเศษ 0 |
7325 ÷ 7325 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 7325
1 x 7325 | = | 7325 |
5 x 1465 | = | 7325 |
25 x 293 | = | 7325 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 7325
1 + 5 + 25 + 293 + 1465 + 7325 = 9114
▶ ตัวประกอบของ 7325 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
5, 293
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 7325 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
7325 = 5 x 5 x 293
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 7325 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
7325 = 52 x 293
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 7325 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
7325 = 52 x 293
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 7325 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 7325 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 7325 มา 1 คู่ เช่น 5 x 1465
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 7325
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 7325 แบบที่หนึ่ง
- 7325
- 25
- 5
- 5
- 293
- 25
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 7325 แบบที่สอง
- 7325
- 5
- 1465
- 5
- 293
ดังนั้น 7325 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
7325 =
5 x 5 x 293
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
7325 =
52 x 293 หรือ 52 x 2931
2. การแยกตัวประกอบของ 7325 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 7325 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 7325 นั้นก็คือ 5, 293 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 7325
5)73255)1465293)2931ดังนั้น 7325 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้7325 = 5 x 5 x 293หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง7325 = 52 x 293 หรือ 52 x 2931วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 7325
1แยกตัวประกอบของ 7325 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 52 x 29312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 293 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 7325 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 7325 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 7325 นั้นก็คือ 5, 293 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 7325
5
)7325
5
)1465
293
)293
1
ดังนั้น 7325 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
7325 = 5 x 5 x 293
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
7325 = 52 x 293 หรือ 52 x 2931
1แยกตัวประกอบของ 7325 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 52 x 2931
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 5 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 293 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 3 x 2 = 6✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 7325 มีทั้งหมด 6 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 7325 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇