ตัวประกอบของ 6747 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6747
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 6747 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 6747 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 6747 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 6747 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 6747 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 13, 39, 173, 519, 2249, 6747
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6747 ÷ 1 | = | 6747 | เหลือเศษ 0 |
6747 ÷ 3 | = | 2249 | เหลือเศษ 0 |
6747 ÷ 13 | = | 519 | เหลือเศษ 0 |
6747 ÷ 39 | = | 173 | เหลือเศษ 0 |
6747 ÷ 173 | = | 39 | เหลือเศษ 0 |
6747 ÷ 519 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
6747 ÷ 2249 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
6747 ÷ 6747 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6747
1 x 6747 | = | 6747 |
3 x 2249 | = | 6747 |
13 x 519 | = | 6747 |
39 x 173 | = | 6747 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6747
1 + 3 + 13 + 39 + 173 + 519 + 2249 + 6747 = 9744
▶ ตัวประกอบของ 6747 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 13, 173
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 6747 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6747 = 3 x 13 x 173
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 6747 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6747 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6747 มา 1 คู่ เช่น 3 x 2249
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6747
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6747 แบบที่หนึ่ง
- 6747
- 39
- 3
- 13
- 173
- 39
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6747 แบบที่สอง
- 6747
- 3
- 2249
- 13
- 173
ดังนั้น 6747 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6747 =
3 x 13 x 173
2. การแยกตัวประกอบของ 6747 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 6747 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6747 นั้นก็คือ 3, 13, 173 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6747
3)674713)2249173)1731ดังนั้น 6747 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้6747 = 3 x 13 x 173วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6747
1แยกตัวประกอบของ 6747 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 131 x 17312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 173 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6747 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 6747 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6747 นั้นก็คือ 3, 13, 173 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6747
3
)6747
13
)2249
173
)173
1
ดังนั้น 6747 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6747 = 3 x 13 x 173
1แยกตัวประกอบของ 6747 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 131 x 1731
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 173 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6747 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6747 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇