ตัวประกอบของ 9483 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 9483
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 9483 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 9483 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 9483 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 9483 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 9483 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 29, 87, 109, 327, 3161, 9483
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
9483 ÷ 1 | = | 9483 | เหลือเศษ 0 |
9483 ÷ 3 | = | 3161 | เหลือเศษ 0 |
9483 ÷ 29 | = | 327 | เหลือเศษ 0 |
9483 ÷ 87 | = | 109 | เหลือเศษ 0 |
9483 ÷ 109 | = | 87 | เหลือเศษ 0 |
9483 ÷ 327 | = | 29 | เหลือเศษ 0 |
9483 ÷ 3161 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
9483 ÷ 9483 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 9483
1 x 9483 | = | 9483 |
3 x 3161 | = | 9483 |
29 x 327 | = | 9483 |
87 x 109 | = | 9483 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 9483
1 + 3 + 29 + 87 + 109 + 327 + 3161 + 9483 = 13200
▶ ตัวประกอบของ 9483 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 29, 109
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 9483 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
9483 = 3 x 29 x 109
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 9483 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 9483 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 9483 มา 1 คู่ เช่น 3 x 3161
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 9483
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 9483 แบบที่หนึ่ง
- 9483
- 87
- 3
- 29
- 109
- 87
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 9483 แบบที่สอง
- 9483
- 3
- 3161
- 29
- 109
ดังนั้น 9483 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
9483 =
3 x 29 x 109
2. การแยกตัวประกอบของ 9483 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 9483 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 9483 นั้นก็คือ 3, 29, 109 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 9483
3)948329)3161109)1091ดังนั้น 9483 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้9483 = 3 x 29 x 109วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 9483
1แยกตัวประกอบของ 9483 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 291 x 10912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 109 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 9483 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 9483 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 9483 นั้นก็คือ 3, 29, 109 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 9483
3
)9483
29
)3161
109
)109
1
ดังนั้น 9483 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
9483 = 3 x 29 x 109
1แยกตัวประกอบของ 9483 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 291 x 1091
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 109 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 9483 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 9483 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇