ตัวประกอบของ 8606 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 8606
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 8606 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 8606 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 8606 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 8606 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 8606 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 13, 26, 331, 662, 4303, 8606
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
8606 ÷ 1 | = | 8606 | เหลือเศษ 0 |
8606 ÷ 2 | = | 4303 | เหลือเศษ 0 |
8606 ÷ 13 | = | 662 | เหลือเศษ 0 |
8606 ÷ 26 | = | 331 | เหลือเศษ 0 |
8606 ÷ 331 | = | 26 | เหลือเศษ 0 |
8606 ÷ 662 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
8606 ÷ 4303 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
8606 ÷ 8606 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 8606
1 x 8606 | = | 8606 |
2 x 4303 | = | 8606 |
13 x 662 | = | 8606 |
26 x 331 | = | 8606 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 8606
1 + 2 + 13 + 26 + 331 + 662 + 4303 + 8606 = 13944
▶ ตัวประกอบของ 8606 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 13, 331
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 8606 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8606 = 2 x 13 x 331
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 8606 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 8606 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 8606 มา 1 คู่ เช่น 2 x 4303
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8606
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 8606 แบบที่หนึ่ง
- 8606
- 26
- 2
- 13
- 331
- 26
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 8606 แบบที่สอง
- 8606
- 2
- 4303
- 13
- 331
ดังนั้น 8606 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8606 =
2 x 13 x 331
2. การแยกตัวประกอบของ 8606 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 8606 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 8606 นั้นก็คือ 2, 13, 331 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8606
2)860613)4303331)3311ดังนั้น 8606 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้8606 = 2 x 13 x 331วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 8606
1แยกตัวประกอบของ 8606 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 131 x 33112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 331 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 8606 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 8606 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 8606 นั้นก็คือ 2, 13, 331 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 8606
2
)8606
13
)4303
331
)331
1
ดังนั้น 8606 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
8606 = 2 x 13 x 331
1แยกตัวประกอบของ 8606 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 131 x 3311
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 331 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 8606 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 8606 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇