ตัวประกอบของ 6538 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 6538
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 6538 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 6538 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 6538 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 6538 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 6538 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 7, 14, 467, 934, 3269, 6538
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
6538 ÷ 1 | = | 6538 | เหลือเศษ 0 |
6538 ÷ 2 | = | 3269 | เหลือเศษ 0 |
6538 ÷ 7 | = | 934 | เหลือเศษ 0 |
6538 ÷ 14 | = | 467 | เหลือเศษ 0 |
6538 ÷ 467 | = | 14 | เหลือเศษ 0 |
6538 ÷ 934 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
6538 ÷ 3269 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
6538 ÷ 6538 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 6538
1 x 6538 | = | 6538 |
2 x 3269 | = | 6538 |
7 x 934 | = | 6538 |
14 x 467 | = | 6538 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 6538
1 + 2 + 7 + 14 + 467 + 934 + 3269 + 6538 = 11232
▶ ตัวประกอบของ 6538 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 7, 467
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 6538 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6538 = 2 x 7 x 467
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 6538 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 6538 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 6538 มา 1 คู่ เช่น 2 x 3269
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6538
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6538 แบบที่หนึ่ง
- 6538
- 14
- 2
- 7
- 467
- 14
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 6538 แบบที่สอง
- 6538
- 2
- 3269
- 7
- 467
ดังนั้น 6538 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6538 =
2 x 7 x 467
2. การแยกตัวประกอบของ 6538 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 6538 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6538 นั้นก็คือ 2, 7, 467 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6538
2)65387)3269467)4671ดังนั้น 6538 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้6538 = 2 x 7 x 467วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 6538
1แยกตัวประกอบของ 6538 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 71 x 46712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 467 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6538 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 6538 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 6538 นั้นก็คือ 2, 7, 467 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 6538
2
)6538
7
)3269
467
)467
1
ดังนั้น 6538 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
6538 = 2 x 7 x 467
1แยกตัวประกอบของ 6538 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 71 x 4671
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 467 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 6538 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 6538 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇