ตัวประกอบของ 26462 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 26462
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 26462 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 26462 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 26462 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 26462 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 26462 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 101, 131, 202, 262, 13231, 26462
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 26462 ÷ 1 | = | 26462 | เหลือเศษ 0 |
| 26462 ÷ 2 | = | 13231 | เหลือเศษ 0 |
| 26462 ÷ 101 | = | 262 | เหลือเศษ 0 |
| 26462 ÷ 131 | = | 202 | เหลือเศษ 0 |
| 26462 ÷ 202 | = | 131 | เหลือเศษ 0 |
| 26462 ÷ 262 | = | 101 | เหลือเศษ 0 |
| 26462 ÷ 13231 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 26462 ÷ 26462 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 26462
| 1 x 26462 | = | 26462 |
| 2 x 13231 | = | 26462 |
| 101 x 262 | = | 26462 |
| 131 x 202 | = | 26462 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 26462
1 + 2 + 101 + 131 + 202 + 262 + 13231 + 26462 = 40392
▶ ตัวประกอบของ 26462 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 101, 131
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 26462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26462 = 2 x 101 x 131
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 26462 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 26462 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 26462 มา 1 คู่ เช่น 2 x 13231
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26462
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26462 แบบที่หนึ่ง
- 26462
- 131
- 202
- 2
- 101
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 26462 แบบที่สอง
- 26462
- 2
- 13231
- 101
- 131
ดังนั้น 26462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26462 =
2 x 101 x 131
2. การแยกตัวประกอบของ 26462 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 26462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26462 นั้นก็คือ 2, 101, 131 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26462
2)26462101)13231131)1311ดังนั้น 26462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้26462 = 2 x 101 x 131วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 26462
1แยกตัวประกอบของ 26462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 1011 x 13112ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 101 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 131 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26462 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 26462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 26462 นั้นก็คือ 2, 101, 131 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 26462
2
)26462
101
)13231
131
)131
1
ดังนั้น 26462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
26462 = 2 x 101 x 131
1แยกตัวประกอบของ 26462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 1011 x 1311
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 101 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 131 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 26462 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 26462 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
