ตัวประกอบของ 25462 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 25462
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 25462 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 25462 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 25462 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 25462 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 25462 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 29, 58, 439, 878, 12731, 25462
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
25462 ÷ 1 | = | 25462 | เหลือเศษ 0 |
25462 ÷ 2 | = | 12731 | เหลือเศษ 0 |
25462 ÷ 29 | = | 878 | เหลือเศษ 0 |
25462 ÷ 58 | = | 439 | เหลือเศษ 0 |
25462 ÷ 439 | = | 58 | เหลือเศษ 0 |
25462 ÷ 878 | = | 29 | เหลือเศษ 0 |
25462 ÷ 12731 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
25462 ÷ 25462 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 25462
1 x 25462 | = | 25462 |
2 x 12731 | = | 25462 |
29 x 878 | = | 25462 |
58 x 439 | = | 25462 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 25462
1 + 2 + 29 + 58 + 439 + 878 + 12731 + 25462 = 39600
▶ ตัวประกอบของ 25462 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 29, 439
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 25462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25462 = 2 x 29 x 439
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 25462 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 25462 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 25462 มา 1 คู่ เช่น 2 x 12731
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25462
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25462 แบบที่หนึ่ง
- 25462
- 58
- 2
- 29
- 439
- 58
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 25462 แบบที่สอง
- 25462
- 2
- 12731
- 29
- 439
ดังนั้น 25462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25462 =
2 x 29 x 439
2. การแยกตัวประกอบของ 25462 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 25462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25462 นั้นก็คือ 2, 29, 439 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25462
2)2546229)12731439)4391ดังนั้น 25462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้25462 = 2 x 29 x 439วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 25462
1แยกตัวประกอบของ 25462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 291 x 43912ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 439 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25462 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 25462 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 25462 นั้นก็คือ 2, 29, 439 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 25462
2
)25462
29
)12731
439
)439
1
ดังนั้น 25462 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
25462 = 2 x 29 x 439
1แยกตัวประกอบของ 25462 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 291 x 4391
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 439 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 25462 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 25462 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇