ตัวประกอบของ 23582 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 23582
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 23582 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 23582 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 23582 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 23582 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 23582 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 13, 26, 907, 1814, 11791, 23582
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
23582 ÷ 1 | = | 23582 | เหลือเศษ 0 |
23582 ÷ 2 | = | 11791 | เหลือเศษ 0 |
23582 ÷ 13 | = | 1814 | เหลือเศษ 0 |
23582 ÷ 26 | = | 907 | เหลือเศษ 0 |
23582 ÷ 907 | = | 26 | เหลือเศษ 0 |
23582 ÷ 1814 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
23582 ÷ 11791 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
23582 ÷ 23582 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 23582
1 x 23582 | = | 23582 |
2 x 11791 | = | 23582 |
13 x 1814 | = | 23582 |
26 x 907 | = | 23582 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 23582
1 + 2 + 13 + 26 + 907 + 1814 + 11791 + 23582 = 38136
▶ ตัวประกอบของ 23582 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 13, 907
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 23582 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
23582 = 2 x 13 x 907
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 23582 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 23582 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 23582 มา 1 คู่ เช่น 2 x 11791
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 23582
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 23582 แบบที่หนึ่ง
- 23582
- 26
- 2
- 13
- 907
- 26
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 23582 แบบที่สอง
- 23582
- 2
- 11791
- 13
- 907
ดังนั้น 23582 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
23582 =
2 x 13 x 907
2. การแยกตัวประกอบของ 23582 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 23582 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 23582 นั้นก็คือ 2, 13, 907 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 23582
2)2358213)11791907)9071ดังนั้น 23582 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้23582 = 2 x 13 x 907วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 23582
1แยกตัวประกอบของ 23582 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 131 x 90712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 907 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 23582 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 23582 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 23582 นั้นก็คือ 2, 13, 907 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 23582
2
)23582
13
)11791
907
)907
1
ดังนั้น 23582 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
23582 = 2 x 13 x 907
1แยกตัวประกอบของ 23582 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 131 x 9071
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 907 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 23582 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 23582 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇