ตัวประกอบของ 11037 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 11037
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 11037 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 11037 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 11037 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 11037 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 11037 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 3, 13, 39, 283, 849, 3679, 11037
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 11037 ÷ 1 | = | 11037 | เหลือเศษ 0 |
| 11037 ÷ 3 | = | 3679 | เหลือเศษ 0 |
| 11037 ÷ 13 | = | 849 | เหลือเศษ 0 |
| 11037 ÷ 39 | = | 283 | เหลือเศษ 0 |
| 11037 ÷ 283 | = | 39 | เหลือเศษ 0 |
| 11037 ÷ 849 | = | 13 | เหลือเศษ 0 |
| 11037 ÷ 3679 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 11037 ÷ 11037 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 11037
| 1 x 11037 | = | 11037 |
| 3 x 3679 | = | 11037 |
| 13 x 849 | = | 11037 |
| 39 x 283 | = | 11037 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 11037
1 + 3 + 13 + 39 + 283 + 849 + 3679 + 11037 = 15904
▶ ตัวประกอบของ 11037 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
3, 13, 283
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 11037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11037 = 3 x 13 x 283
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 11037 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 11037 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 11037 มา 1 คู่ เช่น 3 x 3679
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11037
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 11037 แบบที่หนึ่ง
- 11037
- 39
- 3
- 13
- 283
- 39
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 11037 แบบที่สอง
- 11037
- 3
- 3679
- 13
- 283
ดังนั้น 11037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11037 =
3 x 13 x 283
2. การแยกตัวประกอบของ 11037 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 11037 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 11037 นั้นก็คือ 3, 13, 283 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11037
3)1103713)3679283)2831ดังนั้น 11037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้11037 = 3 x 13 x 283วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 11037
1แยกตัวประกอบของ 11037 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 131 x 28312ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 283 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 11037 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 11037 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 11037 นั้นก็คือ 3, 13, 283 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 11037
3
)11037
13
)3679
283
)283
1
ดังนั้น 11037 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
11037 = 3 x 13 x 283
1แยกตัวประกอบของ 11037 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 31 x 131 x 2831
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 13 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 283 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 11037 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 11037 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
