โปรแกรมหาตัวประกอบของจำนวนนับ
ใส่ตัวเลขที่ต้องการหาตัวประกอบ โปรแกรมจะแสดงคำตอบและวิธีการแยกตัวประกอบให้อัตโนมัติ
เทพควิช-lnwquiz

ตัวประกอบของ 5103 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 5103

คำนิยาม

ตัวประกอบของ 5103 มีอะไรบ้าง

ตัวประกอบของ 5103 มีทั้งหมด 14 ตัวคือ 1, 3, 7, 9, 21, 27, 63, 81, 189, 243, 567, 729, 1701, 5103
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
5103 ÷ 1=5103เหลือเศษ 0
5103 ÷ 3=1701เหลือเศษ 0
5103 ÷ 7=729เหลือเศษ 0
5103 ÷ 9=567เหลือเศษ 0
5103 ÷ 21=243เหลือเศษ 0
5103 ÷ 27=189เหลือเศษ 0
5103 ÷ 63=81เหลือเศษ 0
5103 ÷ 81=63เหลือเศษ 0
5103 ÷ 189=27เหลือเศษ 0
5103 ÷ 243=21เหลือเศษ 0
5103 ÷ 567=9เหลือเศษ 0
5103 ÷ 729=7เหลือเศษ 0
5103 ÷ 1701=3เหลือเศษ 0
5103 ÷ 5103=1เหลือเศษ 0
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 5103
1 x 5103
3 x 1701
7 x 729
9 x 567
21 x 243
27 x 189
63 x 81
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 5103
1 + 3 + 7 + 9 + 21 + 27 + 63 + 81 + 189 + 243 + 567 + 729 + 1701 + 5103 = 8744
ตัวประกอบของ 5103 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 2 ตัวดังนี้
3, 7
การแยกตัวประกอบคืออะไร

5103 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้

5103 = 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 7
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 5103 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
5103 = 36 x 7
วิธีการแยกตัวประกอบ

1. การแยกตัวประกอบของ 5103 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲

วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 5103 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 5103 มา 1 คู่ เช่น 3 x 1701
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5103
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5103 แบบที่หนึ่ง
  • 5103
    • 63
      • 7
      • 9
        • 3
        • 3
    • 81
      • 9
        • 3
        • 3
      • 9
        • 3
        • 3

ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 5103 แบบที่สอง
  • 5103
    • 3
    • 1701
      • 3
      • 567
        • 3
        • 189
          • 3
          • 63
            • 3
            • 21
              • 3
              • 7
ดังนั้น 5103 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5103 = 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 7
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
5103 = 36 x 7 หรือ 36 x 71

2. การแยกตัวประกอบของ 5103 ด้วยวิธีหารสั้น

วิธีทำ
1หาร 5103 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 5103 นั้นก็คือ 3, 7 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 5103

3
)5103
3
)1701
3
)567
3
)189
3
)63
3
)21
7
)7
1
ดังนั้น 5103 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
5103 = 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 7
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
5103 = 36 x 7 หรือ 36 x 71

วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 5103

1แยกตัวประกอบของ 5103 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 36 x 71
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
  • 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 6 ให้เอา 6 + 1 = 7
  • 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 7 x 2 = 14
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 5103 มีทั้งหมด 14 ตัว
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 5103 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇