ตัวประกอบของ 474614 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 474614
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 474614 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 474614 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 474614 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 474614 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 474614 มีทั้งหมด 24 ตัวคือ 1, 2, 7, 14, 29, 49, 58, 98, 167, 203, 334, 406, 1169, 1421, 2338, 2842, 4843, 8183, 9686, 16366, 33901, 67802, 237307, 474614
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
474614 ÷ 1 | = | 474614 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 2 | = | 237307 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 7 | = | 67802 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 14 | = | 33901 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 29 | = | 16366 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 49 | = | 9686 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 58 | = | 8183 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 98 | = | 4843 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 167 | = | 2842 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 203 | = | 2338 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 334 | = | 1421 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 406 | = | 1169 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 1169 | = | 406 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 1421 | = | 334 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 2338 | = | 203 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 2842 | = | 167 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 4843 | = | 98 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 8183 | = | 58 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 9686 | = | 49 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 16366 | = | 29 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 33901 | = | 14 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 67802 | = | 7 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 237307 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
474614 ÷ 474614 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 474614
1 x 474614 | = | 474614 |
2 x 237307 | = | 474614 |
7 x 67802 | = | 474614 |
14 x 33901 | = | 474614 |
29 x 16366 | = | 474614 |
49 x 9686 | = | 474614 |
58 x 8183 | = | 474614 |
98 x 4843 | = | 474614 |
167 x 2842 | = | 474614 |
203 x 2338 | = | 474614 |
334 x 1421 | = | 474614 |
406 x 1169 | = | 474614 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 474614
1 + 2 + 7 + 14 + 29 + 49 + 58 + 98 + 167 + 203 + 334 + 406 + 1169 + 1421 + 2338 + 2842 + 4843 + 8183 + 9686 + 16366 + 33901 + 67802 + 237307 + 474614 = 861840
▶ ตัวประกอบของ 474614 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 4 ตัวดังนี้
2, 7, 29, 167
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 474614 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
474614 = 2 x 7 x 7 x 29 x 167
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 474614 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
474614 = 2 x 72 x 29 x 167
จากผลการแยกตัวประกอบด้านบนจะเห็นว่ามีจำนวนบางจำนวนที่ซ้ำกัน ดังนั้นเราสามารถเขียนการแยกตัวประกอบของ 474614 ให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังได้ดังนี้
474614 = 2 x 72 x 29 x 167
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 474614 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 474614 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 474614 มา 1 คู่ เช่น 2 x 237307
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 474614
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 474614 แบบที่หนึ่ง
- 474614
- 406
- 14
- 2
- 7
- 29
- 14
- 1169
- 7
- 167
- 406
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 474614 แบบที่สอง
- 474614
- 2
- 237307
- 7
- 33901
- 7
- 4843
- 29
- 167
ดังนั้น 474614 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
474614 =
2 x 7 x 7 x 29 x 167
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
474614 =
2 x 72 x 29 x 167 หรือ 21 x 72 x 291 x 1671
2. การแยกตัวประกอบของ 474614 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 474614 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 474614 นั้นก็คือ 2, 7, 29, 167 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 474614
2)4746147)2373077)3390129)4843167)1671ดังนั้น 474614 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้474614 = 2 x 7 x 7 x 29 x 167หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง474614 = 2 x 72 x 29 x 167 หรือ 21 x 72 x 291 x 1671วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 474614
1แยกตัวประกอบของ 474614 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 72 x 291 x 16712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 167 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 3 x 2 x 2 = 24✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 474614 มีทั้งหมด 24 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 474614 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 474614 นั้นก็คือ 2, 7, 29, 167 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 474614
2
)474614
7
)237307
7
)33901
29
)4843
167
)167
1
ดังนั้น 474614 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
474614 = 2 x 7 x 7 x 29 x 167
หรือจะเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลัง
474614 = 2 x 72 x 29 x 167 หรือ 21 x 72 x 291 x 1671
1แยกตัวประกอบของ 474614 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 72 x 291 x 1671
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 7 มีเลขชี้กำลังคือ 2 ให้เอา 2 + 1 = 3
- 👉 29 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 167 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 3 x 2 x 2 = 24✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 474614 มีทั้งหมด 24 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 474614 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇