ตัวประกอบของ 160122 และวิธีการแยกตัวประกอบของ 160122
คำนิยาม
ตัวประกอบของจำนวนนับใดๆ หมายถึง จำนวนนับที่หารจำนวนนับที่เรากำหนดให้ได้ลงตัว
ดังนั้นตัวประกอบของ 160122 หมายถึงจำนวนนับที่หาร 160122 ได้ลงตัว
▶
▶
2. การแยกตัวประกอบของ 160122 ด้วยวิธีหารสั้น
ตัวประกอบของ 160122 มีอะไรบ้าง
ตัวประกอบของ 160122 มีทั้งหมด 8 ตัวคือ 1, 2, 3, 6, 26687, 53374, 80061, 160122
ตรวจคำตอบด้วยการหาร
| 160122 ÷ 1 | = | 160122 | เหลือเศษ 0 |
| 160122 ÷ 2 | = | 80061 | เหลือเศษ 0 |
| 160122 ÷ 3 | = | 53374 | เหลือเศษ 0 |
| 160122 ÷ 6 | = | 26687 | เหลือเศษ 0 |
| 160122 ÷ 26687 | = | 6 | เหลือเศษ 0 |
| 160122 ÷ 53374 | = | 3 | เหลือเศษ 0 |
| 160122 ÷ 80061 | = | 2 | เหลือเศษ 0 |
| 160122 ÷ 160122 | = | 1 | เหลือเศษ 0 |
ตรวจคำตอบด้วยการจับคู่หาจำนวนที่คูณกันได้ 160122
| 1 x 160122 | = | 160122 |
| 2 x 80061 | = | 160122 |
| 3 x 53374 | = | 160122 |
| 6 x 26687 | = | 160122 |
ผลบวกของตัวประกอบทั้งหมดของ 160122
1 + 2 + 3 + 6 + 26687 + 53374 + 80061 + 160122 = 320256
▶ ตัวประกอบของ 160122 ที่เป็นจำนวนเฉพาะมีทั้งหมด 3 ตัวดังนี้
2, 3, 26687
จำนวนเฉพาะ (Prime number) คือ จำนวนนับที่มากกว่า 1 และมีตัวประกอบเพียงสองตัวคือ 1 และตัวมันเอง
ตัวประกอบที่เป็นจำนวนเฉพาะ เรียกว่า "ตัวประกอบเฉพาะ"
การแยกตัวประกอบคืออะไร
การแยกตัวประกอบ คือ การเขียนจำนวนนับนั้นให้อยู่ในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
▶ 160122 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160122 = 2 x 3 x 26687
วิธีการแยกตัวประกอบ
1. การแยกตัวประกอบของ 160122 ด้วยวิธีแผนภาพต้นไม้🌲
วิธีทำ
1จำนวนที่โจทย์กำหนดมา คือ 160122 ดังนั้นให้หาจำนวนที่คูณกันได้ 160122 มา 1 คู่ เช่น 2 x 80061
2พิจารณาว่าจำนวน 1 คู่ที่เลือกมาเป็นจำนวนเฉพาะหรือยัง
3ถ้าจำนวนใดยังไม่ใช่จำนวนเฉพาะให้หาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้น และให้เลือกเอาจำนวนที่คูณกันได้จำนวนนั้นมา 1 คู่(ทำคล้ายๆกับข้อที่ 1)
4ทำโดยใช้หลักการข้อที่ 2 และ 3 ไปเรื่อยๆ จนกว่าจำนวนสุดท้ายจะเป็นจำนวนเฉพาะ
5เอาจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่ได้มาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160122
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 160122 แบบที่หนึ่ง
- 160122
- 6
- 2
- 3
- 26687
- 6
ตัวอย่างแผนภาพต้นไม้ของ 160122 แบบที่สอง
- 160122
- 2
- 80061
- 3
- 26687
ดังนั้น 160122 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160122 =
2 x 3 x 26687
2. การแยกตัวประกอบของ 160122 ด้วยวิธีหารสั้นวิธีทำ1หาร 160122 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160122 นั้นก็คือ 2, 3, 26687 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 14นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160122
2)1601223)8006126687)266871ดังนั้น 160122 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้160122 = 2 x 3 x 26687วิธีหาจำนวนตัวประกอบทั้งหมดของ 160122
1แยกตัวประกอบของ 160122 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 2668712ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 26687 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160122 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
วิธีทำ
1หาร 160122 ด้วยตัวประกอบเฉพาะของ 160122 นั้นก็คือ 2, 3, 26687 (ในการหารแต่ละครั้งแนะนำให้ใช้ตัวประกอบเฉพาะที่มีค่าน้อยที่สุด)
2หากผลการหารที่ได้ยังไม่เท่ากับ 1 ให้นำผลการหารที่ได้ก่อนหน้านี้มาหารด้วยตัวประกอบเฉพาะอีกครั้ง
3ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ 2 ไปเรื่อยๆ จนกว่าผลหารสุดท้ายมีค่าเท่ากับ 1
4นำตัวหารทั้งหมดมาเขียนให้อยู่ในรูปการคูณก็จะได้เป็นการแยกตัวประกอบของ 160122
2
)160122
3
)80061
26687
)26687
1
ดังนั้น 160122 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้
160122 = 2 x 3 x 26687
1แยกตัวประกอบของ 160122 และเขียนให้อยู่ในรูปเลขยกกำลังจะได้เท่ากับ 21 x 31 x 266871
2ให้นำ 1 ไปบวกกับเลขชี้กำลังของตัวประกอบแต่ละตัวดังนี้
- 👉 2 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 3 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
- 👉 26687 มีเลขชี้กำลังคือ 1 ให้เอา 1 + 1 = 2
3นำผลบวกของเลขชี้กำลังที่ได้มาคูณกันดังนี้ 2 x 2 x 2 = 8✔
คำตอบ ตัวประกอบทั้งหมดของ 160122 มีทั้งหมด 8 ตัว ✔
เมื่อคุณรู้ตัวประกอบและวิธีการแยกตัวประกอบของ 160122 แล้วลองแวะดูบทความอื่นๆที่น่าสนใจด้านล่างนี้ได้น่ะ 👇
